มุมแนะนำ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

โลกจะสิ้นสุดในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012


โลกจะสิ้นสุดในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 จริงใหม
เรื่องโลกแตก โลกล่มสลาย เหตุเพราะปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ ได้รับการบอกกล่าวมาทุกยุคทุกสมัย เช่นเมื่อดาวเคราะห์มาเรียงกันก็จะมีคนบอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหวบนโลกมากขึ้น โลกจะสิ้นสลายในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 เป็นอีกข่าวหนึ่งที่พูดกันมากว่าจะเป็นเรื่องจริง วันที่ 21ธันวาคม ค.ศ. 2012 มาจากปฏิทินมายาโบราณซึ่งถือกำเนิดมานานแล้ว ความรู้และอารยธรรมของพวกมายาเป็นที่ยอมรับมาเป็นเวลาหลายพันปี ปฏิทินมายามีช่วงเวลาที่ยาวนานมากกล่าวคือ วันเริ่มต้นตรงกับวันที่ 14 สิงหาคม 3114 ปีก่อนคริสตศักราช วันสุดท้ายตรงกับวันเหมายันของ ค.ศ. 2012และวันเหมายันคือ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012
ผู้เชื่อเรื่องนี้พยายามหาปรากฏการณ์อื่นมาเสริมเช่น เชื่อว่าพวกสุเมเรียนได้ค้นพบดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ชื่อนิมิรุซึ่งเคลื่อนรอบดวงอาทิตย์รอบละ 3,600 ปี กำลังจะมาชนโลก วงการดาราศาสตร์ยังไม่พบดาวเคราะห์ดังกล่าวอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องที่ดวงอาทิตย์เรียงกันอยู่ในแนวศูนย์กลางของกาแล็กซีทางช้างเผือกในเดือนธันวาคม เรื่องนี้จริงโดยดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ในทางกลุ่มดาวคนยิงธนู ซึ่งเป็นทิศทางของศูนย์กลางกาแล็กซีของเรา แต่ดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่ไปทางนั้นทุกปี ไม่ใช่เฉพาะปี ค.ศ. 2012


เซลล์เชื้อเพลิง


เซลล์เชื้อเพลิง
ความหมายของ เซลล์เชื้อเพลิงกันก่อนเซลล์เชื้อเพลิง คือ อุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้านำไปใช้เป็นแหล่งกำเนิดพลังงาน ในอุปกรณ์ต่าง ๆ โดยไม่ใชวิ้ธีการเผาไหมเชื้อเพลิง แต่จะอาศัยปฏิกิริยาระหว่า งก๊าซไฮโดรเจน (H2) จาก น้ำ (H2O) และ ก๊าซออกซิเจน (O2)จากอากาศ สร้างพลังงานไฟฟ้า โดยปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาเคมี-ไฟฟ้า ทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงนี้ไม่ก่อมลภาวะทางอากาศ ทั้งยังมีประสิทธิภาพสูงกว่า เครื่องยนต์เผาไหม้1-3 เท่า ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์เชื้อเพลิง และชนิดของเชื้อเพลิงที่ใช้ ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ได้จะเป็นไฟฟ้ากระแสตรง
Fuel Cell (เซลล์เชื้อเพลิง) มีอยู่หลายประเภทตามเชื้อเพลิงที่ใช้ แต่ที่นิยมใช้คือชนิด PEM (Proton ExchangeMembrane) เนื่องจากอุณหภูมิในการทำงานต่ำ (ประมาณ 60องศาเซลเซียส ปกติทั่วไปสูงกว่า 100 องศา) ความดันที่ใช้เป็นความดันบรรยากาศ เซลล์มีขนาดเล็ก และกำลังไฟฟ้าสูงเมื่อเทียบกับขนาด จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้ง่ายกว่าชนิดอื่นๆ


ทำไมต้องเปิดหน้าต่างทุกครั้งที่เครื่องบินขึ้น-ลง


ทำไมต้องเปิดหน้าต่างทุกครั้งที่เครื่องบินขึ้น-ลง
ท่านที่ใช้บริการเครื่องบินคงจะคุ้นเคยกับคำประกาศที่ว่า ขณะนี้เครื่องบินกำลังจะบินขึ้นแล้ว หรือเครื่องบินกำลังจะร่อนลงแล้ว ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านเปิดหน้าต่างด้านข้างด้วย เคยนึกสงสัยไหมว่าการเปิดหน้าต่างเครื่องบินขณะที่เครื่องบินกำลังบินขึ้นและขณะที่เครื่องบินกำลังบินร่อนลงเกี่ยวข้องอะไรกับการบิน และทำไมจึงต้องเปิดหน้าต่างเครื่องบินทุกครั้งที่เครื่องบินขึ้น-ลง
คุณจีรศักดิ์ นาคสีรุ้ง ผู้จัดการฝ่ายการฝึกบิน บริษัทสายการบินนกแอร์ จำกัด อธิบายว่า หลายคนคงเคยสงสัยว่าเวลาเครื่องบินบินขึ้นหรือร่อนลงทำไมจึงต้องเปิดหน้าต่าง จะเปรียบเทียบการขับเครื่องบินกับการขับรถยนต์เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เนื่องจากรถยนต์มีขนาดไม่ใหญ่มากและมีกระจกมองข้างซ้าย-ขวา กระจกหน้า-หลัง ทำให้คนขับสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบข้างได้ดี แต่เครื่องบินมีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์หลายเท่าถึงจะมีนักบินที่ขับเครื่องบิน 2 คนนั่งอยู่ด้านหัวเครื่องบินก็ไม่สามารถมองเห็นโดยรอบของเครื่องบินได้ จึงต้องให้ผู้โดยสารเปิดหน้าต่างเผื่อผู้โดยสารจะเห็นความบกพร่องของเครื่องบิน เช่น อาจจะเห็นเครื่องยนต์บางตัวไม่ทำงาน ก็จะได้บอกกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเพื่อจะได้บอกให้นักบินทราบต่อไป ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกท่าน
ส่วนหน้าต่างของผู้โดยสารบนเครื่องบินทำจากแผ่น อะคริลิก (acrylic)ที่ถูกยืดออกมาเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ประกอบด้วย 3 ชั้นหลัก ๆ คือชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน โดยชั้นนอกและชั้นกลางจะยึดติดกันด้วยแถบยางชั้นในมีไว้เพื่อป้องกันผู้โดยสารทำความเสียหายกับวัดสุชั้นกลางไม่ได้มีไว้เพื่อความปลอดภัยและไมมีความสำคัญใด ๆ ต่อ โครงสร้างแม้แต่การเกิดรอยขีดข่วนก็ไม่ได้ทำให้ความแข็งแรงของหน้าต่างลดน้อยลง แต่จะทำให้คุณภาพในการมองทะลุผ่านแผ่นอะคริลิกด้อยลงมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้องเปลี่ยนแผ่นอะคริลิกหน้าต่างทุก 3 ปี


มุมแนะนำ