มุมแนะนำ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เทคนิคต่างๆ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เทคนิคต่างๆ แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555

SEO



บทความนี้ผมขอทำความเข้าใจเรื่องคำศัพท์ SEO เสียก่อน เพราะในบทความถัดไปผมจะสรุป Roadmap การทำ SEO ของBlogger สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นให้มีแนวทางการทำ และสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น และจะเป็นประโยชน์ในการทำ SEO ต่อไปอย่างมากหากคุณสามารถเข้าใจคำเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน




คำแปลเหล่านี้อาจจะไม่ได้ถูกหลักวิชาการนะครับเพราะผมแปลเอาเองตามความเข้าใจที่ได้สะสมมา ผิดพลาดยังไงต้องขออภัยล่วงหน้าครับ และหวังว่าคงพอเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจเรื่อง SEO ให้กับคนที่เริ่มต้นได้


1. SEO : คำนี้ย่อมาจาก Search Engine Optimization ซึ่งเป็นกระบวนการการทำให้บล็อก/เว็บไซต์ของคุณถูกค้นพบโดยเครื่องมือค้นหาบนโลก Internet ได้ง่ายขึ้น

2. SE : ย่อมาจาก Search Engine คือเครื่องมือค้นหาข้อมูลบนโลก Internet (ในที่นี้เราจะพูดถึงบล็อกและเว็บไซต์)

3. Bot : ย่อมาจาก Robot เป็นเหมือนผึ้งงานที่คอยมาเก็บข้อมูลต่าง ๆ บน โลก Internet ที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มปริมาณของข้อมูลขึ้น และที่สำคัญ Bot ของ Search Engine ชอบจะไปเยี่ยมบล็อก/เว็บไซต์ที่มีการ update บ่อย ๆ

4. Keyword : ในเรื่อง SEO หมายถึงคำสำคัญที่คนมักใช้ค้นหาจาก Search Engine เช่น คำว่า ผลฟุตบอล บอลโลก 2010 เป็นต้น

5. Niche keyword : หมายถึง Keyword ที่มีโอกาสสูงที่คนจะใช้ค้นหากับ Search Engine และมีคู่แข่ง (ปริมาณผลการค้นหา) ไม่มากนัก

6. Density : คำนี้มักใช้คู่กับเรื่อง Keyword ซึ่งหมายถึงความหนาแน่นของ Keyword ใน 1 หน้า หรือใน 1 บทความ เพื่อเพียงพอจะทำให้ Bot ของ Search Engine ตีความได้ว่า หน้านั้น ๆ หรือบทความนั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องใด

7. Link : ในเรื่อง SEO คำว่า Link จะหมายถึงการเชื่อมโยงกันระหว่าง บล็อก/เว็บไซต์

8. Anchor Text : หมายถึงข้อความที่เป็น Link เชื่อมโยง ซึ่ง Bot ของ Search Engine จะให้ความสำคัญกับข้อความชนิดนี้มากกว่าข้อความปกติ หรือถูกให้ความสำคัญกว่าลิงค์ปกติ เช่น
ข้อความปกติดังที่แสดงด้านล่าง Bot ของ Search Engine ให้ความสำคัญน้อยมาก

hackublogLink ปกติที่แสดงดังด้านล่าง Bot ของ Search Engine ให้ความสำคัญน้อย

http://www.hackublog.com/Anchor Text Bot ที่แสดงดังตัวอย่างด้านล่าง Bot ของ Search Engine ให้ความสำคัญ
วิธีสร้างบล็อก
โค้ดที่ใช้สร้าง Anchor Text

<a href='ใส่ URL ที่นี่' title='ใส่ข้อความอธิบายลิงค์'>ใส่ Keyword </a>และสิ่งที่ควรทำทุกครั้งคือเมื่อสร้างลิงค์เชื่อมโยงควรใช้ Anchor Text และใช้ Keyword ในการตั้งชื่อ Anchor Text ด้วย

9. index : คือการที่หน้าบล็อกหรือเว็บไซต์ของเราถูกนำไปจัดอันดับในผลของการค้นหา ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อันดับที่ดีที่สุดจากผลการค้นหาคือ อันดับ 1 ในหน้าแรกจากผลการค้นหาโดยใช้ Google.com (Google เป็น Search Engine ที่คนนิยมใช้มากที่สุดในโลก )

จะทราบได้อย่างไรว่าบล็อก/เว็บไซต์คุณ index แล้ว ? >> ให้พิมพ์

site:www.yourname.comหรือ

site:ชื่อบล็อก.blogspot.comในช่องค้นหาใน Google ซึ่งถ้าพบแปลว่า Index แล้วครับ

10. PR : ย่อมากจาก Pagerank คือคะแนนที่ Search Engine ต่าง ๆ จะให้กับบล็อก/เว็บไซต์ของเรา โดยค่า PR สูงสุดคือ 10 ต่ำสุดคือ 0 และกรณีที่บล็อกของคุณยังไม่ถูกจัดเก็บเข้าไปในฐานข้อมูลของ Search Engine คะแนน PR จะเป็น n/a

บล็อก/เว็บไซต์ที่มี PR สูง ๆ หมายความว่าเป็นบล็อก/เว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ส่วนใหญ่จะเป็นเว็บไซต์ที่มี เนื้อหามีคุณภาพไม่ซ้ำใคร ระบบเว็บไซต์มีเสถียรภาพสูง คนเข้าชมเยอะ มีคนใช้บริการมาก ๆ และมี Link (จากเว็บคุณภาพ)เข้ามาหาเป็นจำนวนมาก

แต่ทั้งนี้ค่า PR ไม่ได้ส่งผลต่ออันดับการค้นหาจาก SE แต่อย่างใด เพราะผลการค้นหาจะเลือกจัดอันดับเว็บที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับความต้องการของผู้ค้นหามากที่สุด ดังนั้น บล็อก/เว็บไซต์ที่มี PR=0 ก็ติดอันดับการค้นหาเป็นที่ 1 ได้


11.Backlink : หมายการเชื่อมโยงจากเว็บไซต์อื่น ๆ มายังบล็อก/เว็บไซต์ของเรา ถ้ามี Backlink เข้ามามาก ๆ จะส่งผลต่อการ Index ยิ่งไปกว่านั้นถ้าได้ Backlink จากบล็อก/เว็บไซต์ ที่มี PR สูง จะทำให้ PR ของเราเพิ่มตามไปด้วย และอันดับจากการค้นหาก็จะใต่ขึ้นมาอยู่อันดับต้น ๆ ด้วย

การหา Backlink จากเว็บที่มี PR สูง เป็นเรื่องยากส่วนใหญ่จะต้องซื้อ เดือนละเท่าไหร่ ปีละเท่าไรก็แล้วแต่จะตกลง ส่วนสำหรับคนที่ไม่มีต้นทุนในการซื้อลิงค์ก็จะต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติเพื่อให้ได้มาซึ่ง Backlink จำนวนมาก ซึ่งก็จะได้พูดถึงวิธีการกันในบทความต่อ ๆ ไป

11. Dofollow และ Nofollow : ต่อเนื่องจากคำว่า Backlink บางเว็บไซต์ที่เราไปสร้าง Backlink เอาไว้ หรือเว็บไซต์ที่ลิงค์มาหาเราบางเว็บไซต์จะป้องกันการเสียคะแนน PR โดยตั้งค่า Link เอาไว้เป็น Nofollow ซึ่งจะทำให้ Backlink ที่เราได้มาไม่ทำให้คะแนน PR ของเราเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ไม่ดีเพราะว่า ถึงจะไม่ได้คะแนน PR แต่ก็อาจจะเพิ่มจำนวนคนเข้าชมบล็อกของเราก็ได้

ส่วนความหมายของ Dofollow ก็จะตรงข้ามจาก Nofollow คือ เราจะได้ Backlink และได้คะแนน PR ด้วยครับ

12. Link Wheel: เป็น Backlink ที่แข็งแกร่งมากชนิดหนึ่งที่เราสามารถกำหนดและสร้างเองได้ โดยลักษณะของลิงค์ชนิดนี้จะสร้างสะพานให้ Bot วิ่งลักษณะเป็นวงกลม และทุกจุดบนเส้นรอบวงก็จะส่ง Backlink มายังศูนย์กลางคือบล็อกที่เราต้องการได้ Backlink ถ้านึกไม่ออกลองนึกว่ามันคล้าย ๆ พายุ Hurricane แล้วบล็อกของคุณอยู่ตรงใจกลางพายุครับ สำหรับเรื่อง LinkWheel บน Blogger ผมยังไม่ได้ลงรายละเอียดมากนะครับ เพราะจะเขียนบทความให้อยู่แล้ว ให้รออ่านในบทความต่อไปครับ

13. Traffic: ในเรื่อง SEO หมายถึง ปริมาณคนหรือรวมทั้งหุนยนต์ที่เข้าชมบล็อกของคุณ ยิ่งมากก็ยิ่งดีครับ ดังนั้น ถ้า Index ในอันดับที่ดี เช่นติดหน้า 1 ของ Google ใน Keyword ที่คนนิยม Traffic ก็ย่อมมากไปด้วย

14.UIP : ย่อมาจาก Unique IP ซึ่งการนับจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์จะนับจากปริมาณ Unique IP จึงจะแม่นยำ เพราะถ้า เราเข้าชมบล้อกตัวเองวันละ 100 ครั้งแล้วนับ 100 ครั้ง ก็คงจะสรุปอะไรไม่ได้

15. Pageview : คือจำนวนการเปิดหน้าในบล็อก/เว็บไซต์ของคุณ ซึ่งถ้านำไปหารด้วยจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ก็จะบอกได้ว่าคนที่มาชมบล็อกของคุณมีการเปิดชมบล็อกโดยเฉลี่ยกี่ครัง ถ้าเฉลี่ยแล้วไม่ถึง 1 แสดงว่าบล็อก/เว็บไซต์ของคุณ ไม่น่าสนใจเอาซะเลย

การนับจำนวนคนเข้าชม Blogger อาจจะใช้ของบริการตัวนับฟรีเช่น Histat.com เป็นต้น

16. Spam : เป็นพฤติกรรมที่ทำอะไรมากกว่าปกติ เกินความจำเป็นและผิดธรรมชาติของระบบ เช่น เพิ่งบล็อก/เว็บไซต์ได้วันเดียวแต่มี backlink จำนวนมาก Index ในอันดับสูงผิดปกติ หรือมีการเพิ่มของปริมาณข้อมูลในบล็อก/เว็บไซต์ อย่างมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างนี้ก็จะถูก เอาไปเก็บไว้ในหลุมดำ(หลุมทราย)ของ Search Engine หรือถูกลดความสำคัญในที่สุด

17. De-Index ( Decrease Index ) : เป็นการถูกลดความสำคัญของข้อมูลที่ได้ถูก Index ไปแล้ว อาจจะเนื่องมาจากหลายสาเหตุ เช่น Spam คำ เพิ่มจำนวนบทความมากผิดปกติ หรือการไม่ Update ของเนื้อหา หรือถูกลดอันดับจากคู่แข่งที่ทำอันดับขึ้นมาดีกว่า เป็นต้น

18. Approve คือการรอการตรวจสอบ เช่นเรานำ Blog ไปสมัครกับ Blog directory ที่มีชื่อเสียง เราก็จะต้องรอให้มีการตรวจสอบว่าบล็อกของเรามีคุณภาพพอที่จะเข้าร่วมกับ Blog directory นั้น ๆ หรือไม่

19. Sandbox : เป็นเหมือนสถานพินิจที่นำเอาบล็อก/เว็บที่มีพฤติกรรมการเพิ่ม Index และ backlink มากผิดปกติ จนเข้าข่ายน่าสงสัย บล็อก/เว็บก็จะนำไปรอการตรวจสอบความผิดปกตินั้นเสียก่อน ถ้าตรวจสอบประมาณ 5-6 เดือนแล้วก็จะปล่อยออกมาให้ Index เหมือนเดิม

ส่วนใหญ่คนที่ตกหลุมทราย(Sandbox) จะเป็นพวกเทพหรือเซียนเท่านั้น เพราะการเพิ่ม Index และ backlink ได้ปริมาณมาก ๆ ภายในเวลาสั้น ๆ (1-2 วัน) คนทั่วไปทำไม่ค่อยได้

วิธีทำให้หลุดจากหลุมทรายก็ไม่ยากครับ เพียงแต่ต้องรอ และระหว่างรอ ต้องหยุดเพิ่มข้อมูลสักพัก Submit ได้เล็กน้อย ตามสมควร แต่ที่สำคัญคือให้หาBacklink จากเว็บ PR สูง ๆ ครับ จะหลุดเร็วมาก ถ้ามีทุนหน่อยก็ซื้อลิงค์ครับ

20. Submit : คำนี้พูดถึงไปบ้างแล้ว ถ้าแปลง่าย ๆ ก้เหมือนการไปแจ้งเกิด แจ้งจดทะเบียนสมรส อะไรทำนองนี้ครับ นั่นคือเรานำข้อมูลของเราไปส่งให้ แหล่งที่รับ Submit ข้อมูล เช่น Social Bookmark หรือเว็บ Pligg หรือ Web directory เป็นต้น

การ Submit มีหลายประเภท เช่น Submit Blog , Submit บทความ , Submit Feed , Submit Sitemap เป็นต้น

21. Ping : เป็นการส่งสัญญาณการ Update ไปยัง Search Engine ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรทำเลย หรือถ้าจะทำก็ควรทำเมื่อบล็อกมีการ Update เพราะถ้าบ่อยไปจะถูกมองว่า Spam และถูก de-index ได้

22. Social Bookmark : คือเว็บไซต์ที่เปิดให้สมาชิกเก็บเรื่องราวต่าง ๆ ที่ชอบ และแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ได้ทราบ ส่วนใหญ่เราจะใช้ในการนำบทความ ไป Submit เพราว่า Social Bookmark จะมีผู้ใช้บริการมาก มีข้อมูลความเคลื่อนไหวแทบจะตลอดเวลา Bot ของ Search Engine จึงเข้าไปเก็บข้อมูลแทบจะตลอดเวลาเช่นกัน เมื่อพบบทความที่เรานำไป Submit เอาไว้ Bot ก็จะวิ่งมาเก็บข้อมูลที่บล็อกเราอีกต่อหนึ่ง

ตัวอย่างของ Social Bookmark ที่รู้จักกันได้แก่ digg ,stumpble,delicious ,Mixx เป็นต้น

23. Pligg : เป็นพวกเดียวกับ Social Bookmark แต่สร้างจาก CMS (เว็บกึ่งสำเร็จรูป) ดังนั้นก็ใช้งานเหมือนกับ Social Bookmark และในปัจจุบันในไทยก็มีเว็บ Pligg เป็นจำนวนมาก ผมทำการรวบรวมมาแนะนำกันอีกที

24. Web Directory หรือ Blog Directory : ถ้าแปลกันตรง ๆ ก็คือสารบัญของเว็บไซต์/บล็อก ที่มีคนบางกลุ่มนิยมไปค้นหาเรื่องราวที่สนใจจากแหล่งสารบัญที่ว่านี้ ดังนั้นถ้าคุณทำเว็บ/บล็อก ก็ควรจะนำไป Submit ใน Web Directory หรือ Blog Directory เพื่อเพิ่มโอกาสให้ เว็บไซต์/บล็อก เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ตัวอย่างของ Web Directory หรือ Blog Directory ได้แก่ Dmoz , Blogcatalog เป็นต้น

25. Tag : คือคำสั้น ๆ ที่มีใจความ หรือเรียกว่าเป็น Keyword ก็ได้ ถ้าในการเขียนบทความ หรือ นำบทความไป Submit ก็ควรจะใส่ tag ให้กับบทความนั้นมาก ๆ และควรใส่ tag ที่คนนิยมใช้ในการค้นหาด้วย มันจะทำให้ Index ของคุณดีขึ้นได้

26. Social Media และ Social Network : สังคมของคนออนไลน์ 2 ชนิดนี้สามารถใช้โปรโมทบล็อกของเราได้ เช่น Facebook ,Twitter,Myspace หรือ Youtube เป็นต้น

27. Onpage : หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า Onpage SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์หรือบล็อกให้ SE เข้าถึงข้อมูลในหน้าต่าง ๆ ได้ง่ายและรวดเร็วที่สุด สามารถมองเห็นและเข้าใจได้ว่าบล็อกของคุณเกี่ยวกับเรื่องใด เด่นเรื่องใด และส่งผลต่อผลลัพธ์การค้นหาด้วย เช่น ชื่อโดเมน Title ของแต่ละหน้า ชื่อของบทความ ความหนาแน่นของ keyword ในเนื้อหาหรือบทความ Link เข้า-ออก ในแต่ละหน้า Meta tag หรือการไม่มี Link เสียในหน้านั้น ๆ เป็นต้น
ถ้าให้ผมสรุปง่าย ๆ ก็คือทุกสิ่งอย่างที่ SE จะมองเห็นในเว็บ/บล็อกของเรา ซึ่งเป็นปัจจัยทีเราควบคุมได้ และควรใส่ใจปรับแต่งอย่างละเอียดอ่อน

28. Offpage : หรือเรียกเต็ม ๆ ว่า Offpage SEO เป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อ คะแนน PR และ อันดับในการ Index เช่น การสร้าง Backlink จำนวนคนเข้าเยี่ยมชม อายุของโดเมนเป็นต้น

ตกหล่นยังไงแนะนำเพิ่มเติมได้เลยครับเพราะผมนึกออกมาแล้วเขียนเลย บางอย่างอาจจะยังนึกไม่ออกก็จะนำมาเพิ่มเติมให้ในภายหลัง และหากท่านใดจะคัดลอกไปก็ขอว่า ให้เครดิตกับผมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ Mr.Hackublog

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

ตัวเลข x86 และ x64 คืออะไร



ตัวเลข x86 และ x64 คืออะไร

สำหรับหลายๆ คนที่มีการ download โปรแกรมไปใช้งาน อาจประสบปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจว่า ตัวเลข x86 กับ x64 มันคืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร แถมตัวเลขนี้ยังพบกับการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์อีกด้วย ยิ่งทำให้สับสนกันไปใหญ่เลยทีเดียว วันนี้จะมาเฉลยตัวเลขพิศวงนี้กันครับ


        x86 คืออะไร

ตัวเลขนี้ เป็นตัวเลขย่อๆ ที่มาจากคอมพิวเตอร์สมัยโบราณที่มีตัวเลขของซีพียูเป็น 286, 386, 486ซึ่งเป็นพัฒนาการเวอร์ชั่นต่างๆ ของซีพียูของค่ายอินเทล (Intel) เรียกเป็นรหัสย่อๆ ว่า x86 ซึ่งความสามารถของตัวเลขนี้จะอยู่ในระดับ 32bit??ถ้าจะสรุปให้ง่ายๆ คือ x86 ก็คือ x32 ได้เช่นกัน


         x64 คืออะไร

พูดให้เข้าใจง่ายๆ x64 ก็คือ 64bit นั่นเอง ซึ่งเป็นความสามารถในการประมวลผลที่เร็วขึ้นของ ซีพียู นั่นเอง เร็วกว่า 32bit มากครับ

โปรแกรม x86 และ x64

          ดังนั้นเพื่อให้เกิดการทำงานที่เต็มประสิทธิภาพของโปรแกรม (Software) และเครื่องคอมฯ (Hardware) การเลือกใช้โปรแกรม จำเป็นจะต้องใช้โปรแกรมให้ถูกต้องตามที่เราใช้คอมฯ ด้วย เช่น ถ้าเราใช้คอมพิวเตอร์ที่มีความสามารถทำงานได้ 64bit โปรแกรมก็ต้องเป็นรุ่นที่รองรับการทำงาน x64 ด้วย?เพราะไม่ใช่นั้น อาจไม่สามารถทำงานได้เลย



วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีเพิ่มความเร็วคอม

วิธีง่ายๆเพิ่มความเร็ว Windows

เทคนิคไม่ลับ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้เร็วที่สุด ประกอบด้วยการแก้ไฟล์ msdos.sys system.ini และ การปรับแต่งอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความเร็วให้สุด ๆ ไปเลย

1. เริ่มต้นด้วยการเร่งความเร็วในการ startup ด้วย การลดจำนวนโปรแกรมที่เรียกออกมาเวลาเปิดเครื่อง
- คลิก start –> run พิมพ์ msconfig ไปที่แถบ startup จะมีรายชื่อโปรแกรมต่าง ๆ ออกมา ให้ดูว่าโปรแกรมตัวไหนที่เราไม่ต้องการ หรือไม่จำเป็นต้องใช้ก็ให้เอาเครื่องหมายถูกออกไปนะ แล้วก็คลิก OK แล้วก็ restart เครื่องใหม่
(ตัวอย่าง โปรแกรมที่เอาออกได้ เช่น Mirabilis ICQ, Winamp Agent, Real tray, Microsoft find fast, Office startup เป็นต้น ** สิ่งที่ต้องระวัง และ ห้าม เอาออกไป เช่น internat.exe, ScanRegistry, TaskMonitor, Systemtray, LoadPowerProfile และก็ driver ของ โมเด็ม หรือ อุปกรณ์อื่น ๆ เป็นต้น )

2. แก้ไขไฟล์ msdos.sys ให้ boot ได้เร็วขึ้น – ทำได้โดยเปิด Windows Explorer ไปที่ drive C: แล้วก็หาไฟล์ msdos.sys ( หากหาไม่เจอ ให้ไปคลิกที่ View –> Folder Option แล้วมองหาคำว่า Show all files )
- คลิกขวาที่ msdos.sys เลือก properties ดูที่ส่วน attribute แล้วเอาเครื่องหมายถูกที่ Read-only และ Hidden ออกไป และติ๊กเพิ่มที่ Archive คลิก OK
- เปิดโปรแกรม notepad (คลิก start –> run พิมพ์ notepad)
- คลิก File –> Open เปิดไฟล์ msdos.sys (ที่ส่วน file type ต้องเลือกเป็น *.* All files จึงจะมองเห็น msdos.sys ได้)
- เพิ่มคำสั่ง BootDelay=0 เข้าไปในส่วน Options (ระวังตัวใหญ่ตัวเล็กด้วย)
- Save แล้วปิดโปรแกรม (อย่าลืมแก้ properties –> attribute ให้มีค่า Read-only และ Hidden เหมือนเดิมด้วย)
- restart เครื่อง


3. แก้ไขไฟล์ system.ini ใน windows folder ซึ่งจะช่วยให้มีหน่วยความจำเพิ่มในโหมด Dos
- คลิก Start –> find พิมพ์ system.ini เมื่อพบแล้วให้ดับเบิ้ลคลิกที่ชื่อไฟล์
- หาส่วน [386Enh] แล้วเพิ่ม LocalLoadHigh=1
- save แล้วปิด, restart เครื่องใหม่


4. คุณสามารถลบไฟล์ drvspace.bin และ dblspace.bin ได้ หากคุณไม่ได้ใช้การบีบอัดของ Windows เช่น double space วิธีการ คือ
- คลิก start –> find พิมพ์ drvspace.bin, dblspace.bin แล้วกด search
- คลิกขวาเลือก delete ให้ครบทุกตัว
- ทดสอบ restart เครื่อง และใช้งานไปซักพักสองสามวัน หากไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ท่านก็สามารถลบไฟล์ออกจาก recycle bin ได้เลย



วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

เพิ่มความเร็วแรม



วิธีง่าย ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพของแรม


สำหรับวิธีนี้ จะเป็นการแก้ไขค่าในรีจิสตรีอีกตัวหนึ่ง ที่จะช่วยทำให้ระบบโหลดเคอร์เนลใน Windows XP เอาไปเก็บไว้ในแรมเลย และวิธีการนี้จะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพของแรมเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก แต่! มีข้อจำกัดอยู่อย่างหนึ่ง คือ เครื่องที่สามารถใช้งานได้จะต้องมีแรมไม่ต่ำกว่า 256 เมกะไบต์ขึ้นไปครับ จึงจะเห็นผล

ขั้นตอนการปรับแต่ง
1. เปิดโปรแกรม Registry Editor ขึ้นมา โดยคลิกที่ Start > Run > พิมพ์ Regedit กด OK
2. เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Control > SessionManager > Memory Management
3. ให้หาคีย์ดังต่อไปนี้ ที่หน้าต่างทางขวงมือ

“DisablePagingExecutive”=dword:00000000
“LargeSystemCache”=dword:00000000

4. เมื่อพบแล้วให้แก้ไขค่าตัวเลย โดยเปลี่ยนเลข 0 ตัวสุดท้ายให้เป็นเลข 1 หรือหากไม่มี ให้สร้างคีย์ใหม่ โดยตั้งค่าดังนี้

“DisablePagingExecutive”=dword:00000001
“LargeSystemCache”=dword:00000001

Credit : ComputerFC.com



การใช้ ink tank

วิธีการใช้ ink tank 
วิธีการใช้งาน ink tank

วิธีใช้งานปกติ
       -  ปิดจุกยางด้านเติมหมึก(1)
       -  ใส่ตัวกรองอากาศด้านอากาศเข้า(2)
วิธีเติมหมึก
       -  ปิดจุกยางด้านอากาศเข้า(2)
       -  เปิดจุกยางด้านเติมหมึก ฉีดหมึกลงไปในช่องเติมหมึก(1)
วิธีปรับแรงดันหมึก
       -  เปิดจุกยางทั้ง 2 ด้าน
       -  ใช้ไซริ้งค์เป่าอากาศลงไปในช่องอากาศเข้า(2) จนระดับหมึกลดลงต่ำสุด ปล่อยไซริ้งค์ไว้อย่า

เพิ่งดึงไซริ้งค์ออก
       -  ปิดจุกยางด้านเติมหมึก(1)
       -  เอาสลิงค์ออกแล้วใส่ตัวกรองอากาศด้านอากาศเข้า(1) ใช้งานตามปกติ
ข้อควรระวัง
       -  ตัวแท็งค์ควรยกสูงจากพื้นประมาณ 2 cm (เฉพาะรุ่นที่มีช่องปรับแรงดันเหมือนในรูป)
       -  ระวังถ้าหากมีหมึกเยิ้มที่หัวพิมพ์ควรปรับแรงดันหมึก ถ้ายังไม่หายให้ลดระดับแท็งค์ลงมาอีก 0.5 cm 

และทำความสะอาดหมึกออกให้หมดจากหัวพิมพ์ ซึ่งอาจจะทำให้หัวพิมพ์ช็อตได้
       -  ถ้าไม่ได้ใช้งานนานๆ ควรปิดจุกยางทั้ง 2 ด้าน
       -  กรณีที่มีอากาศอยู่ในสายท่อยางของแท็งค์ ทำให้งานพิมพ์ออกมาไม่ดีให้ถอดสายยางออกจากตลับ

หมึกของสีนั้นๆ 
 แล้วใช้ไซริ้งค์อัดอากาศเข้าไปในช่องอากาศเข้า(2) ทีละน้อยเพื่อไล่อากาศออกมาจะสังเกตเห็นว่าน้ำหมึก
จะไหลจน
เต็มสายยาง แล้วจึงเสียบสายยางเข้าไปในตลับหมึกเหมือนเดิม
       -  หมั่นตรวจเช็ค สายท่อยางระวังอย่าให้ติดขัดเวลาหัวพิมพ์วิ่งไปมา
       -  ระวังอย่าให้หมึกหมดแท็งค์ ควรเติมหมึกเมื่อระดับหมึกเหลือประมาณ 20%


มุมแนะนำ