คลี่นกล คือ คลื่นที่เดินทางได้ต้องอาค้ยตัวกลาง แบ่งเป็น
- คลื่นตามขวาง คือ
คลื่นที่อนุภาคตัวกลางเคลื่อนที่ตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของคลื่น เช่น คลี่นนํ้า
- คลื่นตามยาว คือ
คลื่นที่อนุภาคตัวกลางเคลื่อนที่แนวเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่น เช่น คลื่นสปริง
เสียง
สมบัติของคลี่น มี 4 ประเภท
สมบัติของคลี่น มี 4 ประเภท
• การสะท้อน : เกิดจาก การที่คลื่นไป แล้วกลับสู่ตัวกลางเดิม เช่น
- ค้างคาว
โดยการส่งคลื่นเสียง (Ultrasound) ออกไป แล้วรับคลื่นที่สะท้อนกลับมา
- ปลาโลมา ใช้การสะท้อนของคลื่นเสียงในการหาปลาที่เป็นอาหาร
- ในการสื่อสารโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม
• การหักเห :
เกิดจากการที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างตัวกลางที่มีสมบัติต่างกัน
ทำให้ทิศทางเบี่ยงเบน เนื่องจากอัตราเร็วของคลื่นเปลี่ยนไป เช่น
บางครั้งเห็นฟ้าแลบ แต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง
• การเลี้ยวเบน : เกิดจากการที่คลื่นปะทะสิ่งกีดขวางแล้วแผ่กระจายไปตามขอบ
เช่น การที่เราเดินผ่านมุมอาคารเรียนหรือมุมตึก จะได้ยินเสียงต่างๆจากอีกด้านหนึ่งของอาคาร
• การแทรกสอด : เกิดจากการที่คลื่นสองขบวนเคลื่อนที่เข้าหากัน
ทำให้เกิดบริเวณสงบนิ่งและบริเวณที่สั่นสะเทือนมาก
เสียงและการได้ยิน
เสียง
เกิดจาก การสั่นสะเทือนของวัตถุ แล้วถ่ายโอนพลังงานออกไปตามอนุภาคของตัวกลาง
จากแหล่งกำเนิดเสียงเข้าสู่อวัยวะรับเสียง คือ หู ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ชั้น
1.หูชั้นนอก
มีเยื่อแก้วหูทำหน้าที่ รับแรงสั่นสะเทือนของเสียง
2.หูชั้นกลาง มีกระดูกชั้นเล็ก ทำหน้าที่ ขยายเสียง
3.หูชั้นใน มีคลอเคลีย เป็นท่อขดรูปร่างคล้ายหอย ท่าหน้าที่
แปลงสัญญาณเพื่อส่งไปตีความหมายที่สมอง
ธรรมชาติของเสียง มี 3 ประเภท
ธรรมชาติของเสียง มี 3 ประเภท
• ระดับเสียง
คือ
ความสูงหรือตํ่าฃองเสียง ขึ้นอยู่กับ ความถี่ของเสียง
- เสียงดนตรี
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ระดับเสียง โดยจัดแบ่งเป็นโน๊ตดนตรี
- หูของคนสามารถรับรู้คลื่นเสียงในช่วงความถี่
20 ถึง 20,000
เฮิรตซ์[
เสียงที่มีความถี่ตํ่ากว่า
20 เฮิรตซ์ เรียกว่า อินฟราซาวด์ (infrasound)
เสียงที่มีความถี่สูงกว่า
20,000
เฮิรตซ์ เรียกว่า อัลตราซาวด์ (ultrasound)
• ความดัง
คือ พลังงานเสียงที่มากพอที่จะได้ยินเสียงได้
ฃื้นอยู่กับ แอมพลิจูด
การวัดความดังของเสียง จะวัดเป็นระดับความเข้มเลยง มีหน่วยเป็น เดซิเบล ดงนี้
การวัดความดังของเสียง จะวัดเป็นระดับความเข้มเลยง มีหน่วยเป็น เดซิเบล ดงนี้
- เสียงค่อยที่สุดที่เริ่มได้ยิน
มีระดับความเข้มเสียงเป็น 0 เดซิเบส
- เสียงดังที่สุดที่ไม่เป็นอันตรายต่อหู
มีระดับความเข้มเสียงเป็น 120 เดซิเบล
องค์การอนามัยโลก
กำหนดว่า ระดับความเข้มเสียงที่ปลอดภัยต้องไม่ เกิน 85 เดซิเบล
และได้ยินติดต่อกันไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านี้
จะถือว่าเป็นมลภาวะของเสียง
คุณภาพเสียง คือ คุณลักษณะเฉพาะตัวชองเสียง
(ไม่ได้แปลว่าเสียงดี หรือไม่ดี) ฃื้นอยู่กับรูปร่างของคลื่น
ช่วยระบุแหล่งกำเนิดเสียงทีแตกต่างกัน ทำให้เราเสียงทีได้ยินเป็นเสียงอะไร
คลี่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือ คลื่นที่สามารถเคลื่อนที่ได้ โดยไม่อาศัยตัวกลาง
ประกอบด้วย สนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าที่มีทิศตั้งฉากกัน
และตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น มี 7 ชนิด ดังนี้
แกมมา เอกซ์ อัลตราไวโอเลต แสง อินฟราเรด ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ
แกมมา เอกซ์ อัลตราไวโอเลต แสง อินฟราเรด ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ
พลังงานมาก ..................................... -> พลังงานน้อย
ความยาวคลื่นน้อย..................................... -> ความยาวคลื่นมาก
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
จะเคลื่อนที่ในสุญญากาศด้วยความเร็วเท่ากัน คือ 3x108 เมตร/วินาที
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ใช้ประโยชน์มากในชีวิตประจำวัน คือ คลื่นวิทยุ
การผสมสัญญาณไฟฟ้าของเสียงกับคลื่นวิทยุ มี 2 ระบบ คือ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ใช้ประโยชน์มากในชีวิตประจำวัน คือ คลื่นวิทยุ
การผสมสัญญาณไฟฟ้าของเสียงกับคลื่นวิทยุ มี 2 ระบบ คือ
- ระบบเอเอ็ม
(AM : Amplitude Modulation)
: เป็นการผสมคลื่นที่ทำให้แอมพลิจูดเปลี่ยนแปลง แต่ความถี่คงที่ ส่งกระจายเสียงด้วยความถี่
530-1,600 กิโลเฮิรตซ์
-
ระบบเอฟุเอม (FM : Frequency
Modulation) : เป็นการผสมคลื่นที่ทำให้ความถี่เปลี่ยนแปลง
แต่แอมพลิจูดคงที่ ส่งกระจายเสียงด้วยความถี่ 88-108 เมกะเฮิรตซ์[
ระบบ AM สามารถสะท้อนบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟิยร์
กลับลงมายังโลกได้ ใช่ติดต่อในระยะทางไกลๆ เรียกว่า คลื่นฟ้า ระบบ FM มีความถี่สูงมาก จะทะลุผ่านบรรยากาศชั้นไอโอโนสเพียร์ออกไป จึงใช้ในการติดต่อกับยานอวกาศที่เดินทางอยู่นอกโลกดังนั้นการรับคลื่น
FM บนพื้นโลกจึงรับได้เฉพาะคลื่นที่แผ่กระจายจากสถานีส่งเท่านั้นเรียกว่า
คลื่นดิน ซึ่งจะได้ระยะทาง FM 80 กิโลเมตร
เพราะจะติดส่วนโค้งของโลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น