มุมแนะนำ

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีเลือกซื้อ Notebook



1.ดู Chipset ถ้าเป็น ตัวเลขเช่น 945 หรือยิ่งมากยิ่งดีคือตัวใหม่ล่าสุด เช่น ล่าสุด 965

2.CPU ควรเลือก Core2 Duo processor เช่น T5500 หรือยิ่งมากยิ่งดีคือตัวใหม่ล่าสุด เช่น T7100

3.CPU Speed ปกติ 1.66 GHz ก็เพียงพอแล้วแต่ถ้ายิ่งมากก็จะยิ่งเร็ว เช่น 1.8 GHz

4.Cache Size (KB) 2MB L2 Cache ซึ่งตัวเลขยิ่งมากก็จะทำให้เครื่องประมวลผลเร็ว ปกติ L2 = 2MB ถือว่ามากสุดแล้ว

5.Ram หรือ หน่วยความจำปกติ 512 MB หรือยิ่งมากยิ่งดี ถ้าจะใช้ Windows Vista ควรใช้ 1 GB

6.Bus Speed จะเป็นในส่วนของช่องทางเดินข้อมูลภายในเครื่องปกติตัวเลขจะประมาณ 533 MHz ถ้ามากๆจะทำให้เครื่องเร็วและแรง เช่น 667 MHz

7.Harddisk ขึ้นอยู่กับการใช้งานครับ แต่ถ้าเครื่องมี DVD ที่สามารถเขียนได้ควรจะ ใช้พื้นที่ในการเก็บประมาณ 120 GB หรือมากกว่า และความเร็วของ Hard disk ควรจะ 5400 rpm และควรเป็นชนิด SATA

8.DVD ปัจจุบันควรเลือก DVD RW Double Layer คือสามารถเขียน DVD ได้มากสุดถึง 8.5 GB ต่อแผ่น

9.Graphics หรือ vga คือตัวช่วยในการแสดงผลออกสู่หน้าจอ ซึ่งสำหรับงาน office ทั่วไป หรือเล่นเกมส์ Online เช่น pangya เราควรเลือกที่เขาเรียกว่า on board ก็พอแล้วแต่ memory ควรจะประมาณ 128 MB ก็พอแล้ว

10.Monitor หรือ จอแสดงผลปกติ ณ ปัจจุบันควรเลือกจอ WXGA High-definition Bright View LCD panel 14" ซึ่งจอจะกว้างและใสสวยงาม ซึ่งเป็นที่นิยมของวัยรุ่น ขนาดของจอ notebook จะสวนทางกับ เครื่องตั้งโต๊ะ ยิ่งเล็กยิ่งแพงเพราะฉะนั้นผมแนะนำใช้ 14" กำลังดีครับ หรือใครเดินทางบ่อยๆก็ควรเลือก 12.1" ซึ่งจะทำให้เครื่องเบาครับ ส่วน 15" นั้นมักจะเอามาทำโปรโมชั่น notebook ราคาถูกซึ่งขนาดจะใหญ่ อาจเทอะทะ

11.อุปกรณ์ที่ควรจะมี Network Intel® PRO/Wireless 3945BG Network Connection

10/100 LAN Ethernet , 802.11b/g Wireless LAN , Bluetooth ซึ่งที่กล่าวมานี้มีประโยชน์และความจำเป็นของการใช้งานซึ่งถือว่าเป็น อุปกรณ์มาตรฐานที่ควรมี

12.จุดเชื่อมต่ออื่นที่ควรมี

Slots Express Card Slot

USB 3 x USB 2.0

Other Interfaces 1394- 4 pins, VGA, TV-out (S-Video), Headphone Jack, Mic In, AC adapter 65 watt, 5-in-1 Media Reader SD, MMC, SDIO, MS, MsPro, xD (includes SD, Mini, RS, MMC, MS Duo plus adapters)

Battery Type 6-Cell LilON Battery




13.Weight น้ำหนักเครื่องรวมแบตต้องไปลองยก รวมกระเป๋าดูว่าเราชอบไหม ถ้าหนักไปอาจจะเมื่อยได้ แนะนำประมาณไม่เกิน 2.5 Kg ก็ถือว่าใช้ได้

14.ยี่ห้อของสินค้า ถ้าเป็นที่ชั้นนำก็จะได้การบริการที่ดี หรือไม่ก็แถวบ้านใกล้ ศูนย์ไหนก็เลือกเลย เช่น Compaq ,dell ,acre ,benq ,อื่นๆ

ข้อดีของ Android



ในเมื่อเรามีโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว แล้วทำไมต้องสนใจแอนดรอยด์

เราจะแนะนำให้ทุกท่านได้ทราบว่า ทำไมเราๆ ท่านๆ ต้องเปลี่ยนไปใช้แอนดรอยด์ แอนดรอยด์มีดีอย่างไร ส่วนถ้าใครยังไม่รู้ว่าแอนดรอยด์มีที่มาที่ไปและแนวทางข้างหน้าเป็นอย่างไร




1.แอนดรอยน์เป็นโปรแกรมเสรี บริษัทมือถือสามารถนำไปใช้กับโทรศัพท์ของตัวเองได้ฟรี พัฒนาต่อยอดได้ ทำให้โทรศัพท์มีราคาต่อคุณภาพคุ่มค่า เกิดความหลากหลาย หนึ่งในนั้นอาจถูกใจคุณก็ได้

2.แอนดรอยด์มีชุดพัฒนาแอพพลิเคชันให้ใช้ฟรี นั่นหมายความว่าเราสามารถเขียนแอพพลิเคชันขึ้นมาเพื่อใช้งานเอง หรือเพื่อการค้า แล้วคุณก็จะรู้ว่าการพัฒนาแอพพลิเคชั่นแบบเสรีสามารถเขียนได้ด้วยตัวเองอย่างไม่ยากเย็น ลองไปดูเว็บเหล่านี้คือตัวอย่างcodeandroid, codemobiles




3.แอพพลิชันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะการที่มันเป็นของฟรีจากกูเกิล ทำให้การพัฒนาไม่ยุ่งยาก มีการพัฒนาแอพพลิชันที่หลากหลาย ด้วยเหตุนี้จึงมี Market จากกูเกิลติดมากับเครื่องเพื่อให้คุณโหลดแอพพลิเคชันฟรีๆ มากกว่าสองหมื่นตัวแล้ว หากไม่พอใจยังมี Market แบบไม่ผ่านกูเกิลให้โหลดไปใช้งานฟรีๆ อีกเพียบ

4.ด้วยความร่วมมือของเหล่าบริษัทพันธมิตรมากกว่า 48 บริษัท ทำให้แอนดรอยด์มีอนาคตที่สดใสแน่นอน เช่น HTC, Samsung, Motola, Acer, Dell

5.ด้วยการทำงานบนพื้นฐานของลินุกซ์ แอนดรอยด์จึงมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยดในการเชื่อมต่อกับ ดาวเทียม กล้อง และอินเทอร์เน็ต เพราะสิ่งเหล่านี้คือจุดประสงค์ของแอนดรอยด์

6.การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ปัญหา เป็นเรื่องง่ายมาก แค่เสียบเข้าพอร์ต usb แล้วลากไฟล์ หนัง เพลง งาน รูป เข้า-ออก เครื่องได้สบายๆ

7.กูเกิลคือ บริษัทที่มีการเติบโตรวดเร็วในไม่กี่สิบปี จนมาถึงการพัฒนาแอนดรอยด์เปิดตัวไปได้ปีกว่าๆ ตอนนี้ออกมาถึงเวอร์ชัน 2.1 กันแล้วนะ

8.ถ้าเคยได้ยินชื่อเสียงเรื่อง ความปลอดภัย ความเสถียรภาพ ของลินุกซ์ แอนดรอยด์ก็ไม่ต่างกัน มันปลอดภัยสำหรับทุกๆ ข้อมูลสำคัญแน่นอน

9.ถ้าชีวิตหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ใช้บริการจากกูเกิล ชีวิตนอกจอกับแอนดรอยด์ก็จะสะดวกมากๆ เพราะมีบริการต่างๆของกูเกิลติดมากับแอนดรอยด์เลย

10.เพราะมันเป็นโปรแกรมเสรี แอนดรอยด์จึงอนุญาตให้เราอัพเดตตัวระบบปฏิบัติการได้เอง ไม่ต้องรอจากทางผู้ผลิตมือถือ หากมีปัญหาก็สามารถหาคนช่วยเหลือได้มาก จนกว่าคุณจะไม่อยากทำซะเอง

ถึงแม้จะมีข้อดีเยอะแยะ แต่ทั้งหมดยังไม่ได้กล่าวถึงข้อเสีย เช่น ไม่มีภาษาไทยติดมากับแอนดรอยด์โดยตรง(ต้องติดตั้งโดยบริษัทมือถือนั้นๆ) และที่สำคัญตัวเราเองต่างหากที่จะตอบได้ว่ามือถือตัวไหนเหมาะกับเรามากที่สุด

อ้างอิง: HTC Thailand

ที่มา appdroid

วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555

10 อันดับรถที่แรงที่สุด

10 สุดยอด...รถที่เร็วที่สุดในโลก 2010

10. Porsche Carrera GT : 205 mph

Porsche Carrera GT ทำความเร็วสูงสุด 205 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.9 วินาที ตัวถังอลูมิเนียม เครื่องยนต์ 68 Degree, Water Cooled V10 Engine 612 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ $440,000 เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและก็แพงที่สุดของ Porsche ในขณะนั้น จุดเด่นของรถรุ่นนี้คือการนำเทคโนโลยีเซรามิกเข้ามาช่วยทำฐานวางเครื่องยนต์ทำให้สามารถวางเครื่องยนต์ใน Chassis ได้ต่ำกว่ารถรุ่นอื่นๆ เป็นการลดศูนย์ถ่วงทำให้สมดุลย์ดีขึ้น


9. Lamborghini Murcielago LP640 : 211 mph

Lamborghini Murcielago LP640 ทำความเร็วสูงสุด 211 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.3 วินาที เครื่องยนต์ V12 Engine 640 แรงม้าที่ 8000 rpm ราคาเริ่มต้นที่ $430,000 เป็นรถ 2 ที่นั่ง 2 ประตู 6 speeds


8. Pagani Zonda F : 215 mph

Pagani Zonda F ทำความเร็วสูงสุดที่ 215 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.5 วินาที เครื่องยนต์ Mercedes Benz M180 V12 Engine 650 แรงม้า ราคาเริ่มต้น $667,321 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 2005


7. Jaguar XJ220 : 217 mph

Jaguar XJ220 ทำความเร็วสูงสุดได้ 217 miles/hr เช่นกัน อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.8 วินาที เครื่องยนต์แบบ Twin Turbo V6 Engine 542 แรงม้าที่ 7200 rpm 6 speeds ราคาเริ่มต้นที่ $650,000 ผลิตในปี 1992


6. Ferrari Enzo : 217 mph

Ferrari Enzo ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 217 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.4 วินาที เครื่องยนต์ F140 Aluminum V12 Engine ความจุ 4700 cc 660 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ $670,000 ผลิตขึ้นเพียง 399 คันเท่านั้น นั่นแสดงว่ายิ่งรถเหลือน้อยเท่าไรราคายิ่งสูงขึ้นตามไปด้วยน่ะสิ ซึ่งราคาปัจจุบันเกิน $1,000,000 ไปแล้ว ตัวถังทำจาก carbon fiber ทำให้เบา


5. McLaren F1 : 240 mph

McLaren F1 ทำความเร็วได้สูงสุด 240 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.2 วินาที เครื่องยนต์ BMW S70/2 60 Degree V12 Engine 627 แรงม้าที่ 7400 rpm ราคาเริ่มต้นที่ $970,000 ประตูออกแบบคล้ายปีกค้างคาว ไม่แน่ว่าจะออกมาเผื่อหนังเรื่อง Batman หรือเปล่า


4. Koenigsegg CXX : 245 mph

Koenigsegg CXX ทำความเร็วได้ 245 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 ใน 3.2 วินาที เครื่องยนต์แบบ 90 Degree V8 Engine ความจุ 4700 cc 806 แรงม้าที่ 6900 rpm ราคาเริ่มต้นที่ $545,568 ผลิตขึ้นที่สวีเดน เพื่อชิงตำแหน่งรถที่เร็วที่สุดโดยเฉพาะแต่ก็ยังห่างไกลจาก SSC Ultimate Aero หรือ Bugatti Veyron


3. Saleen S7 Twin-Turbo : 248 mph

Saleen S7 Twin-Turbo ทำความเร็วได้เป็นอันดับ 3 อยู่ที่ 248 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.2 วินาที เครื่องยนต์ Twin Turbo All Aluminum V8 Engine ความจุ 7000 cc 750 แรงม้าที่ 6300 rpm ราคาเริ่มต้นที่ $555,000 รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวโดนใจ


2. Bugatti Veyron : 253 mph

Bugatti Veyron ทำความเร็วถึง 253 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 2.5 วินาที เครื่องยนต์ Aluminum, Narrow Angle W16 Engine 1001 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ $1,700,000 จัดได้ว่าเป็นรถที่แพงที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ถือได้ว่าเป็นรถที่อัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกและมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงถูกเลือกเป็นรถสำหรับซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง Batman


1. SSC Ultimate Aero : 257 mph

SSC Ultimate Aero ทำสถิติความเร็ว 257 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 2.7 วินาที เครื่องยนต์ Twin-Turbo V8 Engine 1183 แรงม้า และยังสามารถปรับแต่งทั้งภายในภายนอกพร้อมทั้งจูนเครื่องพิ่มแรงม้าได้ถึง 1287 แรงม้า และสามารถทำความเร็วได้สูงที่สุดคือ 270 mph ซึ่งเป็นสถิติโลกที่ถูกบันทึกไว้ ราคาเริ่มต้นที่ $654,4000. ถูกบันทึกสถิติโลกโดย Guinness World Record ตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งเบียดชนะ Bugatti Veyron แซงมาเป็นที่ 1 กลายเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก

มุมแนะนำ