ทฤษฎีการชน (Collision Theory)
11.)
กล่าวว่า
; สารตั้งต้นจะเกิดปฏิกิริยาได้ก็ต่อเมื่อโมเลกุลมีการชนกันในทิศทางที่เหมาะสมและเมื่อชนกันแล้วมีการถ่ายโอนพลังงานระหว่างกันมากพอที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยานั้นๆ
(โดยพลังงานอย่างน้อยที่โมเลกุลต้องการในการเกิดปฏิกิริยาเรียกว่า Ea
22.)
สรุปทฤษฎีการเกิดปฏิกิริยา ; 1.
อนุภาคสารตั้งต้นชนกันในทิศทางเหมาะสม
2. เมื่อชนกันแล้วมีการถ่ายโอนพลังงานมากพอ
3. การชนกันของโมเลกุลเป็นการชนแบบยืดหยุ่นสัมบูรณ์
(ไม่สูญเสียพลังงาน)
33.)
พลังงานก่อกัมมันต์ ; เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพลังงานกระตุ้น
(Activation Energy ; Ea)
·
หมายถึง
; พลังงานจำนวนน้อยที่สุดที่โมเลกุลสารตั้งต้นต้องมี
(ได้มาจากการชนกันแล้วถ่ายโอนระหว่างกันหรือจากพลังงานภายนอก)
เพื่อใช้ในการเกิดปฏิกิริยา
·
หน่วย
; kJ/mol , kcal/mol (1cal =
4.2J)
·
สรุปสาระสำคัญ
; 1.แต่ละปฏิกิริยาเคมีพลังงานก่อกัมมันต์ต่างกัน
2.
ปฏิกิริยาเคมีที่พลังงานก่อกัมมันต์ต่ำ
จะเกิดง่ายกว่าปฏิกิริยาที่พลังงานก่อกัมมันต์สูง
3. ปฏิกิริยาที่พลังงานก่อกัมมันต์ต่ำอัตราเร็วของปฏิกิริยาอาจจะสูงหรือต่ำก็ได้
4.พลังงานก่อกัมมันต์และอัตราเร็วของปฏิกิริยาไม่มีความสัมพันธ์กัน
5.พลังงานก่อกัมมันต์
ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงานรวมของปฏิกิริยา (Total Energy , Enthalpy)
44.)
Heat Energy ; ใช้สัญลกษณ์ย่อคือ
ΔH
·
หมายถึง
; พลังงานความร้อนของปฏิกิริยาเคมี หาได้จาก
ความแตกต่างระหว่างระดับพลังงานศักย์ของสารผลิตภัณฑ์กับระดับพลังงานศักย์ของสารตั้งต้น
·
หน่วย ;
kJ/mol , kcal/mol (1cal =
4.2J) (เหมือนค่า Ea)
·
สรุปสาระสำคัญ
; 1.ค่า
ΔH ไม่มีความสัมพันธ์กับค่า
Ea
2.ค่า ΔH
สามารถบอกได้ว่าเป็นปฏิกิริยาดูดหรือคายความร้อน
ΔH
> 0 เป็นระบบดูดความร้อน
ΔH
< 0 เป็นระบบคายความร้อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น