มุมแนะนำ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สังคม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สังคม แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รัฐศาสตร์และการเมืองการปกครอง



1.รัฐ คือ ชุมชนทางการเมืองที่ประกอบไปด้วย ประชากร ดินแดน รัฐบาล และอำนาจอธิปไตย
1.ดินแดน ต้องมีอาณาเขตและดินแดนที่แน่นอน ส่วนขนาดนั้นไม่มีการจำกัดเนื้อที่ ประกอบด้วยแผ่นดิน น่านนํ้า น่านฟ้า
2.ประชากร ประชากรที่เป็นพลเมองของรัฐต้องมีสิทธิ เสรีภาพและหน้าที่ตามที่รัฐกำหนดไว้
3.รัฐบาคือ คณะบุคคลที่ทำหน้าที่ปกครองรัฐ มีที่มาจากการเสือกตั้ง การแต่งตั้ง การยึดอำนาจ การสืบสายโลหิต แต่ต้องเป็นคณะบุคคลที่มีอำนาจชอบธรรมในการปกครอง
4.อำนาจอธิปไตย คืออำนาจสูงสุดภายในรัฐ การมีอำนาจสามารถปกครองตนเองได้ ส่วนโดยเป็นเอกราช ไม่ขึ้นกับรัฐอื่นๆ การปกครองที่ปราศจากการแทรกแซงจากต่างชาติ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ถ้าไม่มีอำนาจอธิปไตย ความเป็นรัฐจะหมดไป เป็นสิ่งที่ทำให้รัฐต่างจากสมาคม หรือกลุ่มอื่นๆ ความเป็นรัฐจะสิ้นสุดทันทีเมื่อรัฐนั้นไปตกอยู่ภายใต้ การปกครองของรัฐอื่น ดังนั้นอำนาจอธิปไตยจึงแบ่งแยกไม่ได้ ( 1 รัฐ ต่อ 1 อำนาจอธิปไตย)

นักวิทยาศาสตร์ในยุคต่างๆ



ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา
คริสต์ศตวรรษที่ 14-16 ในยุคนี้การคิดค้นทางวิทยาการได้ขยายกรอบออกไปจากแนวความคิดของศาสนจักร ได้แก่
โยฮัน กูเตนเบอร์ก (Johann Gutenburg ..1400-1468) ชาวเยอรมัน ได้ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ขึ้นเป็นครั้งแรก
ลีโอนาร์โด ดาวินซี (Leonardo da Vinci ..1452-1519) ชาวอิตาลี ผู้มีงานการค้นคว้าทางด้านพืชและสัตว์ นอกจากนี้ดาวินชียังได้ชื่อว่า เป็นจิตกร สถาปนิก และวิศวกรอีกด้วย
นีโคลาอุส โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus ..1483-1543) ชาวโปแลนด์ผู้ค้นพบว่า โลกเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่งของสุริยจักรวาล
เกอราดัส เมอร์เคเตอร์ (Geradus Mercator) ..1512-1594) นักภูมิศาสตร์ชาวเบลเยี่ยม เป็นผู้นำทฤษฎีการจัดทำแผนที่โลกมาใช้ และจัดพิมพ์หนังสือแผนที่เรียกว่า แอตลาส
ยุคการปฏิวัติวิทยาศาสตร์
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ หมายถึง การใช้วิธีการแบบวิทยาศาสตร์ อันประกอบด้วยการตั้งข้อสงสัย การพิสูจน์ การทดลองอย่างมีขั้นตอน และการมีแบบแผนที่แน่นอนสำหรับการหาคำตอบของคำถาม หรือข้อสมมุติฐานต่างๆ การปฏิวัติวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 17 นักค้นคว้าและนักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานอันเป็นพื้นฐานในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลายท่าน ที่สำคัญได้แก่
กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galilel ..1564-1642) ชาวอิตาลี ผู้สร้างกล้องโทรทรรศน์สำหรับดูดาวและสนับสนุนความคิดของนิโคลาอุส โคเปอร์นิคัส
วิลเลี่ยม ฮาร์วี (William Harvey ..1578-1657) ชาวอังกฤษ เป็นแพทย์ผู้ค้นพบการไหหมุนเวียนของโลหิต
โรเบอร์ต บอยล์ (Robert Boyle) ..1627-1691) ชาวไอริช เป็นผู้ศึกษา ค้นคว้า และทดลองทางด้านเคมีและให้ความเห็นว่าเคมีเป็นศาสตร์ที่แตกต่างจากศาสตร์อื่นๆ ต่อมาจึงได้ชื่อว่า บิดาแห่งวิชาเคมี
เซอร์ ไอแซคนิวตัน (Sir Isaac Newton ..1642-1727) ชาวอังกฤษ เป็นผู้ค้นพบหลักการคำนวณด้วยวิธีใหม่ เป็นผู้ตั้งกฎความโน้มถ่วง และเป็นผู้คิดกล้องโทรทรรศน์ชนิดสะท้อนแสงเป็น คนแรก
เบนจามิน แฟรงคลิน (Bejamin Franklin .. 1706-1790) ชาวอเมริกัน ผู้ค้นพบไฟฟ้าในอากาศ ซึ่งทำให้เกิดฟ้าแลบและฟ้าผ่า
ยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม
เป็นคำที่ อาร์โนลด์ ทอย์นบี (Arnold Toynbee) นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษใช้ในการบรรยายวิชาประวัติศาสตร์ของเขา หมายถึง ระยะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถึง คริสต์ศตวรรษที่ 19
เครื่องจักรไอนํ้า
เจมส์ วัตต์ ได้นำเครื่องจักรไอนํ้ามาติดตั้งในหัวรถจักรและเรือกลไฟ ซึ่งมีผลให้การคมนาคมขนส่งได้เจริญ
การทอผ้Œ
จอห์น เคย์ (John Kay ..1704-1764) ได้ประดิษฐ์กระสวยพุ่งหรือกี่กระตุก (Flying Shuttle) สามารถทอผ้าได้เร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า
การปั่˜›นด้Œาย
เจมส์ ฮาร์กรีฟส์ (James Hargreaves ..1722-1778) ได้ประดิษฐ์เครื่องปั่นด้าย (Spinning Jenny) ที่สามารถปั่นด้ายได้ครั้งละ 15 เส้น
ริชาร์ด อาร์คไรท์ (Richard Arkwright ..1732-1792) ได้ประดิษฐ์วอเตอร์เฟรม (Water Frame) โดยนำเครื่องจักรไอนํ้ามาใช้แทนแรงคน
แซมมวล ครอมป์ตัน (Samuel Crompton ..1735-1827) ได้นำเครื่องสปินนิ่งจินนี่ และวอเตอร์แฟรม มาพัฒนาเข้าด้วยกัน เรียกว่า สปินนิ่งมูล (Spinning Mule) ทำให้ผลผลิตมีคุณภาพดีและผลิตได้เร็วขึ้น
การเกษตร
เจโทร ทัล (Jethro Tull ..1675-1741) ได้ประดิษฐ์ เซลด์ดริล (Seld Drill) สำหรับหว่านเมล็ดพืช
ชาร์ลส์ ทาวน์เซนต์ (Charles Townshend ..1675-1738) ได้เสนอวิธีการปลูกพืชหมุนเวียนซึ่งจะทำให้ดินมีคุณภาพดีขึ้น
โรเบอร์ต แบคเวล (Robert Bakewell) ได้ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์มาทดลองผสมพันธุ์สัตว์ ทำให้ได้สัตว์พันธุ์ใหม่ที่มีร่างกายใหญ่โต และมีความต้านทานโรคดีขึ้น
เอไล วิตเนย์ (Eli Whitney ..1765-1825) ได้ประดิษฐ์เครื่องแยกเมล็ดฝ้ายออกจากไจ ที่เรียกว่า คอตทอน จิต (Gotton Gin) ได้สำเร็จใน ค.. 1792
การคมนาคมขนส่ง
จอห์น แอล แมคอดัม (John L. McAdom ..1756-1836) ได้ปรับปรุงการทำถนนให้มีสภาพคงทนและระบายนํ้าได้ดีกว่าเดิม
ริชาร์ด เทรวิทิก (Richard Trevithick ..1771-1833) ได้นำระบบเครื่องจักรไอนํ้ามาปรับปรุง เพื่อการเดินทางแต่ไม่สำเร็จ
จอร์จ สตีเฟนสัน (George Stephenson ..1781-1848) ได้ปรับปรุงและสร้างหัวรถจักรได้สำเร็จใน ค..1814
โรเบอร์ต ฟูลตัน (Robert Fulton ..1765-1815) ประดิษฐ์เรือกลไฟได้สำเร็จ
ยุคปัจจุบัน
เซอร์ ฮัมฟรีย์ เดวี (Sir Humphry Davy ..1778-1829) ได้ทำแบตเตอรี่
ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michoel Faraday ..1791-1867) ค้นพบเบนซิน การนำเบนซินมาใช้เป็นเชื้อเพลิง
รูดอล์ฟ ดีเซล (Rudolf Diesel) นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน ได้ประดิษฐ์เครื่องยนต์และจดทะเบียนดีเซลขึ้นมา ทำให้หลายชาติสามารถใช้เครื่องจักรดีเซลในการขับเคลื่อนขบวนรถไฟที่วิ่งไปได้
การสื่อสารและโทรคมนาคม
แซมมวล มอร์ส (Sammuel Morse ..1791-1872) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ได้ประดิษฐ์เครื่องส่งโทรเลขได้สำเร็จเป็นคนแรก
อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell ..1847-1922) ครูชาวสกอตต์ซึ่งเป็นผู้สอนหนังสือเด็กหูหนวกและเป็นใบ้ในสหรัฐอเมริกา ได้ประดิษฐ์โทรศัพท์ขึ้นเป็นคนแรก
โทมัส แอลวา เอดิสัน (Thomos Aiva Edison ..1847-1931) นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ได้ประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า
กูกลิดอลโม มาร์โคนี (Guglielmo Marconi ..1874-1937) นักประดิษฐ์ชาวอิตาลี ก็ได้สร้างเครื่องส่งวิทยุโทรเลข เพื่อการสื่อสารขึ้นมา จนกระทั่งปัจจุบันการสื่อสารและโทรคมนาคมได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้ติดต่อกันได้สะดวกทั่วโลก
เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ (Edward Jenner ..1827-1823) ชาวอังกฤษ ได้ค้นพบวิธีการทำวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษ
ลอร์ด โจเซฟ ลิสเตอร์ (Lord Joseph Lister ..1827-1912) พบวิธีการฆ่าเชื้อโรคในการผ่าตัด
หลุยส์ปาสเตอร์ (Louis Pasteur ..1822-1895) ผู้คิดทำเซรุ่ม สำหรับฉีดแก้พิษงูและพิษสุนัขบ้า
รังสีเอกซ์ (X-rays) ซึ่งค้นพบโดย รอนท์เกน (Reontgen ใน ค..1895) นำไปสู่การค้นพบของ ปีแอร์ คูรี่ (Pierre Curie..1959-1906) และแมรี คูรี่ นำธาตุยูเรเนียมมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
แสงเลเซอร์ โดย ธีโอดอร์ เอช. ไมแมน (Theodore H. Maiman ..1927-?) ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์

ความก้าวหน้าทางวิทยาการสมัยใหม่‹(ราวพุทธศตวรรษที่ 21 หรือ คริสต์ศตวรรษที่ 15)



ความก้าวหน้าทางวิทยาการสมัยใหม่‹(ราวพุทธศตวรรษที่ 21 หรือ คริสต์ศตวรรษที่ 15)
1. การปฏิวัติวิทยาศาสตร์ เกิดขึ้นในสาขาวิชาดาราศาสตร์ก่อนโดย
- นิโคลัส คอเปอร์นิคัส หักล้างความเชื่อที่มีในสมัยกลางว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล เปลี่ยนเป็น ดวงอาทิตย์ เป็นศูนย์กลางของจักรวาล
- กาลิเลโอ กาลิเลอี ยืนยันแนวความคิดของ คอเปอร์นิคัส โดยทำการศึกษาทดลอง โดยเป็นผู้นำการทดลองมาเป็นแนวทางศึกษาวิทยาศาสตร์
- ฟรานซิส เบคอน วางพื้นฐานของวิธีการทางวิทยาศาสตร์ โดยเน้นความสำคัญของการทดลอง
- เรอเน่ เคสการ์ตส์ เน้นการใช้เหตุผล อย่างมีขั้นตอนและการคำนวณด้านคณิตศาสตร์ เป็นบิดาวิชาเรขาคณิตวิเคราะห์
- ไอแซค นิวตัน พบกฎแรงดึงดูดหรือแรงโน้มถ่วงของมวลสาร
2. การปฏิวัติเกษตรกรรม (ปลายคริสศตวรรษที่ 17) เป็นการนำเทคนิควิทยาการมาปรับปรุงใช้กับการเกษตรกรรม เป็นผลให้ปริมาณผลผลิตเพิ่มมากขึ้น โดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการเพาะปลูก ด้านแบบเปิดโล่ง (Openfield system) ที่ไม่มีการล้อมรั้ว ในแต่ละเขตให้มีที่ดินสาธารณะให้ชาวนาทุกคนใช้ร่วมกัน เช่น เลี้ยงสัตว์ ดังนั้น ชาวนาจะใช้พื้นที่ทำนาเพียง 3 ส่วน เหลือทิ้งว่างไว้ 1 ส่วนทำให้เสียประโยชน์ จึงเปลี่ยนมาเป็น การล้อมรั้วปักปันที่ดิน และแสดงกรรมสิทธิ์
ความก้าวหน้าทางเกษตร โดยการปรับปรุงเทคนิคด้านเกษตรมีผลงานของบุคคลดังนี้คือ
- ชาร์ลส์ ทาวน์เซนส์ ค้นพบวิธีปลูกพืชหมุนเวียน
- เจโทรทัลส์ คิดเครื่องหว่านเมล็ดพืช
- โรเบิร์ต เบคเวล ปรับปรุงด้านปศุสัตว์
3. การปฏิวัติอุตสาหกรรม เริ่มปี ค..1760 (ปลายคริสศตวรรษที่ 18) แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 ..1760-1860 เป็นการเปลี่ยนแปลงรายการผลิตจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม เปลี่ยนจากการใช้แรงงานคนและสัตว์มาเป็นการใช้พลังงานจากธรรมชาติ คือ พลังงานไอนํ้า และความร้อนจากถ่านหิน
ระยะที่ 2 ..1861 - คือ การนำเอาเหล็กกล้ามาใช้ในอุตสาหกรรม การใช้โลหะผสมและโลหะเบาที่อาศัยวิธีทางเคมีช่วย
พลังงานที่ใช้เปลี่ยนจากถ่านหินและไอนํ้ามาเป็น ก๊าซและนํ้ามันเชื้อเพลิง ต่อมาใช้พลังงานไฟฟ้า
* ระยะนี้การปฏิวัติอุตสาหกรรม ขยายตัวจากอังกฤษและยุโรปตะวันตก ไปยังยุโรปภาคกลาง ยุโรปตะวันออก สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
ระยะที่ 3 ได้แก่การค้นพบ อิเล็กทรอนิกส์ และการพัฒนาด้านการสื่อสาร ทำให้โลกพัฒนาเข้าสู่การเป็นสังคม สารสนเทศ (Information Society)
ผลการปฏิวัติอุตสาหกรรม
1. เกิดการเจริญเติบโตของระยะทุนนิยม โดยเปลี่ยนจากระบบทุนนิยมการค้ามาเป็นทุนนิยมอุตสาหกรรม เป็นระบบโรงงานมีคนทำงานในโรงงาน มีการแข่งขัน มีการแย่งงานกันทำ โดยจำแนกตามความชำนาญเฉพาะอย่าง
2. เกิดชนชั้นกลาง กลายเป็นคนมั่งคั่งที่สุด และควบคุมสังคม
3. เกิดการแข่งขัน และพึ่งพาทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ
4. เกิดลัทธิเศรษฐกิจและลัทธิการเมืองใหม่
. ลัทธิเสรีนิยม (Liberalism) ยกย่องสิทธิ์ เสรีภาพของมนุษย์ นักเสรีนิยมที่สำคัญ คือ อดัม สมิธ เจ้าของแนวความคิดการค้าเสรี (Free Trade หรือ Laissez - faire) หนังสือที่เขาเขียนคือ The Wealt of Nation)
. ลัทธิสังคมนิยม เป็นลัทธิที่ให้กรรมกรเรียกร้องสิทธิและความชอบธรรม ต่อต้านการ เอารัดเอาเปรียบของนายทุน แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ
- สังคมนิยม ยูโทเปีย เสนอการแบ่งการใช้โภคทรัพย์ ด้วยระบบสหกรณ์นักคิดคนสำคัญได้แก่ โรเบิรต์ โอเวน, แซงซีมองต์ ชาร์ลส์ฟูริเยร์ และ หลุยส์ บลังก์
- สังคมนิยม มาร์กซ เป็นแนวสังคมนิยมวิทยาศาสตร์ สามารถนำไปปฏิบัติได้ นักคิดคนสำคัญ คือ คาลมาร์กซ์ ฟรีดริซ เฮงเกลล์ เขียนหนังสือเรื่อง แถลงการณ์ณ์คอมมิวนิสต์ (Communist Manifesto) หนังสือ ทุน (Das Kapital)
แซงซีมอง มีแนวความคิดว่า ทุกคนมีโอกาสทำงานตามระดับความสามารถของตน และได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม ดังนั้น
ควรสร้างสังคมใหม่ที่ใช้หลักการแห่งเหตุผล และอำนาจในการบริหารประเทศควรอยู่ที่กลุ่มผู้ผลิต
ชาล์ส ฟูริเยร์ ชี้ความชั่วร้ายของพ่อค้าคนกลาง ไม่เห็นด้วยกับการค้าเสรี เพราะเป็นการทำลายผู้ที่อ่อนแอกว่า เสนอแนวคิด
ว่าการสร้างสังคมอุดมคติที่คนอยู่ร่วมกันอย่างดี ทำงานตามความสามารถ มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินร่วมกัน และได้รับผลตอบแทน
แรงงานที่เท่าเทียมกัน

การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก



การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตก
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
สมัยหินเก่า อยู่แบบเร่ร่อน ตามแหล่งอุดมตามสัตว์ที่ล่า
สมัยหินกลาง ดำรงชีวิตแบบพรานป่า เริ่มเลี้ยงสัตว์ คือ สุนัข
สมัยหินใหม่ เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นเกษตรกรรม อยู่เป็นหลักแหล่ง คือเป็นปฏิวัติทางเศรษฐกิจครั้งแรก
สมัยทองแดง
- รู้จักใช้โลหะ เป็นการปฏิวัติทางเทคโนโลยีครั้งแรก
- มีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาโดยวิธีใช้วงล้อหมุน
- ผลิตอิฐ ไถ และวงล้อ
- เกิดการค้าขายแบบสิ่งของแลกกัน
สมัยสำริด
- เริ่มต้นอารยธรรม มีการประดิษฐ์ตัวอักษร
- ชุมชนหมู่บ้านขยายเป็นชุมชนเมือง แถบลุ่มแม่น้ำ เมโสโปรเตเมีย, สินธุ , นํ้าไนล์
- ผลิตเงินเพื่อเป็นสื่อกลาง
สมัยเหล็ก
- รู้จักใช้เหล็กทำเครื่องมือ อาวุธ เพราะหาง่าย

มุมแนะนำ