เนื้อหา การเรียน การสอน ฟรีๆมากมาย เพื่อคนที่เรียนหนังสือ อ่านฟรี เนื้อหา วิชาเคมี วิชาสังคม วิชาวิทยาศาสตร์ วิชาชีววิทยา และ หนังสือ ให้ อ่านฟรี
มุมแนะนำ
วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556
วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ปฏิกิริยาเคมี
ปฏิกิริยาเคมี
เกิดจาก สารเริ่มต้น
เข้าทำปฏิกิริยากัน แล้วทำให้เกิดสารใหม่ เรียกว่า ผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น
1.ปฏิกิริยาคายความร้อน เป็นปฏิกิริยาที่จะให้พลังงานความร้อนออกมาทำให้สิ่งแวดล้อมร้อนหรือ
- เมื่อมีการสร้างพันธะ
(แก๊ส --—->
ของเหลว > ของแข็ง)
2.ปฏิกิริยาดูดความร้อน เป็นปฏิกิริยาที่จะดูดพลังงานความร้อนเข้าไป ทำให้สิ่งแวดล้อมเย็น
หรือ
- เมื่อมีการสลายพันธะ
(ของแริง ——> ของเหลว > แก๊ส)
ปฏิกิริยาเคมีในชีวิตประจำวัน
- ปฏิกิริยาการเผาไหม้ของถ่านหิน จะมีกำมะถัน (S)เมื่อเผาไหม้กำมะถันจะทำปฏิกิริยากับแก๊สออกซิเจนทำให้เกิดแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์และเมื่อทำปฏิกิริยากับนํ้าฝน
ทำให้เกิดกรดกำมะถัน/กรดซัลฟิวริก ตกลงมาเป็นฝนกรด
- การเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ จะเกิดแก๊ส N02 กลายเป็นฝนกรดไนตริกได้
- แก๊ส S03 N02
และ 03 ในวันที่มีความกดอากาศสูง จะลอยตํ่า เกิดเป็นหมอกควัน (smog)
- ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเหล็ก (Fe203) เกิดจาก
ปฏิกิริ้ยาระหว่างเหล็กกับแก๊สออกซิเจน
- ปฎิกิริยาการสลายตัวของโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต
(ผงฟู) ด้วยความร้อนจะได้แก๊ส CO2 และ H20
- สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เมื่อได้ร้บแสงและความร้อน
จะสลายตัว ดังนั้น จึงต้องเก็บไว้ในที่มืด
- ปฏิกิริยาในแบตเตอรี่ชนิดต่างๆ เช่น แบตเตอรี่ในรถยนต์ เป็นปฏิกิริยาระหว่างแผ่นตะกั่ว (Pb) แบตเตอรี่ปรอท มีขนาดเล็ก เบา ใช้ในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์
- ปฏิกิริยาในแบตเตอรี่ชนิดต่างๆ เช่น แบตเตอรี่ในรถยนต์ เป็นปฏิกิริยาระหว่างแผ่นตะกั่ว (Pb) แบตเตอรี่ปรอท มีขนาดเล็ก เบา ใช้ในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์
- ปฏิกิริยาการสลายตัวของหินปูน (CaCO3) ด้วยความร้อน
ได้ปูนขาว (CaO) ใช้ในการผลิตปูนซีเมนต์
- ปฎกิริยาระหว่างหินปูนกับกรดไนตริก/กรดซัลฟิวริก
ทำให้สิ่งก่อสร้างสึกและเกิดหินงอกหินย้อย
ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกริยาเคมี
1. ความเข้มข้นของสารเริ่มต้น (เข้มข้นมาก > เข้มข้นน้อย)
2. พื้นที่ผิวสัมผัสของสารที่เข้าทำปฏิกิริยา (ผง > ก้อน)
3. อุณหภูมิ (ร้อน > เย็น)
4. ตัวเร่งปฏิกริยา คือ
สารที่เติมเพิ่มเข้าไปแล้วทำให้ปฏิกิริยาเกิดได้เร็วขึ้น และเมื่อสิ้นสุดจะได้กลับคืน
คลื่นกล คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลี่นกล คือ คลื่นที่เดินทางได้ต้องอาค้ยตัวกลาง แบ่งเป็น
- คลื่นตามขวาง คือ
คลื่นที่อนุภาคตัวกลางเคลื่อนที่ตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของคลื่น เช่น คลี่นนํ้า
- คลื่นตามยาว คือ
คลื่นที่อนุภาคตัวกลางเคลื่อนที่แนวเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่น เช่น คลื่นสปริง
เสียง
สมบัติของคลี่น มี 4 ประเภท
สมบัติของคลี่น มี 4 ประเภท
• การสะท้อน : เกิดจาก การที่คลื่นไป แล้วกลับสู่ตัวกลางเดิม เช่น
- ค้างคาว
โดยการส่งคลื่นเสียง (Ultrasound) ออกไป แล้วรับคลื่นที่สะท้อนกลับมา
- ปลาโลมา ใช้การสะท้อนของคลื่นเสียงในการหาปลาที่เป็นอาหาร
- ในการสื่อสารโทรคมนาคมผ่านดาวเทียม
• การหักเห :
เกิดจากการที่คลื่นเคลื่อนที่ผ่านรอยต่อระหว่างตัวกลางที่มีสมบัติต่างกัน
ทำให้ทิศทางเบี่ยงเบน เนื่องจากอัตราเร็วของคลื่นเปลี่ยนไป เช่น
บางครั้งเห็นฟ้าแลบ แต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง
• การเลี้ยวเบน : เกิดจากการที่คลื่นปะทะสิ่งกีดขวางแล้วแผ่กระจายไปตามขอบ
เช่น การที่เราเดินผ่านมุมอาคารเรียนหรือมุมตึก จะได้ยินเสียงต่างๆจากอีกด้านหนึ่งของอาคาร
• การแทรกสอด : เกิดจากการที่คลื่นสองขบวนเคลื่อนที่เข้าหากัน
ทำให้เกิดบริเวณสงบนิ่งและบริเวณที่สั่นสะเทือนมาก
เสียงและการได้ยิน
เสียง
เกิดจาก การสั่นสะเทือนของวัตถุ แล้วถ่ายโอนพลังงานออกไปตามอนุภาคของตัวกลาง
จากแหล่งกำเนิดเสียงเข้าสู่อวัยวะรับเสียง คือ หู ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ชั้น
1.หูชั้นนอก
มีเยื่อแก้วหูทำหน้าที่ รับแรงสั่นสะเทือนของเสียง
2.หูชั้นกลาง มีกระดูกชั้นเล็ก ทำหน้าที่ ขยายเสียง
3.หูชั้นใน มีคลอเคลีย เป็นท่อขดรูปร่างคล้ายหอย ท่าหน้าที่
แปลงสัญญาณเพื่อส่งไปตีความหมายที่สมอง
ธรรมชาติของเสียง มี 3 ประเภท
ธรรมชาติของเสียง มี 3 ประเภท
• ระดับเสียง
คือ
ความสูงหรือตํ่าฃองเสียง ขึ้นอยู่กับ ความถี่ของเสียง
- เสียงดนตรี
เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ระดับเสียง โดยจัดแบ่งเป็นโน๊ตดนตรี
- หูของคนสามารถรับรู้คลื่นเสียงในช่วงความถี่
20 ถึง 20,000
เฮิรตซ์[
เสียงที่มีความถี่ตํ่ากว่า
20 เฮิรตซ์ เรียกว่า อินฟราซาวด์ (infrasound)
เสียงที่มีความถี่สูงกว่า
20,000
เฮิรตซ์ เรียกว่า อัลตราซาวด์ (ultrasound)
• ความดัง
คือ พลังงานเสียงที่มากพอที่จะได้ยินเสียงได้
ฃื้นอยู่กับ แอมพลิจูด
การวัดความดังของเสียง จะวัดเป็นระดับความเข้มเลยง มีหน่วยเป็น เดซิเบล ดงนี้
การวัดความดังของเสียง จะวัดเป็นระดับความเข้มเลยง มีหน่วยเป็น เดซิเบล ดงนี้
- เสียงค่อยที่สุดที่เริ่มได้ยิน
มีระดับความเข้มเสียงเป็น 0 เดซิเบส
- เสียงดังที่สุดที่ไม่เป็นอันตรายต่อหู
มีระดับความเข้มเสียงเป็น 120 เดซิเบล
องค์การอนามัยโลก
กำหนดว่า ระดับความเข้มเสียงที่ปลอดภัยต้องไม่ เกิน 85 เดซิเบล
และได้ยินติดต่อกันไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง ถ้าเกินกว่านี้
จะถือว่าเป็นมลภาวะของเสียง
คุณภาพเสียง คือ คุณลักษณะเฉพาะตัวชองเสียง
(ไม่ได้แปลว่าเสียงดี หรือไม่ดี) ฃื้นอยู่กับรูปร่างของคลื่น
ช่วยระบุแหล่งกำเนิดเสียงทีแตกต่างกัน ทำให้เราเสียงทีได้ยินเป็นเสียงอะไร
คลี่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือ คลื่นที่สามารถเคลื่อนที่ได้ โดยไม่อาศัยตัวกลาง
ประกอบด้วย สนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้าที่มีทิศตั้งฉากกัน
และตั้งฉากกับทิศการเคลื่อนที่ของคลื่น มี 7 ชนิด ดังนี้
แกมมา เอกซ์ อัลตราไวโอเลต แสง อินฟราเรด ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ
แกมมา เอกซ์ อัลตราไวโอเลต แสง อินฟราเรด ไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ
พลังงานมาก ..................................... -> พลังงานน้อย
ความยาวคลื่นน้อย..................................... -> ความยาวคลื่นมาก
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
จะเคลื่อนที่ในสุญญากาศด้วยความเร็วเท่ากัน คือ 3x108 เมตร/วินาที
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ใช้ประโยชน์มากในชีวิตประจำวัน คือ คลื่นวิทยุ
การผสมสัญญาณไฟฟ้าของเสียงกับคลื่นวิทยุ มี 2 ระบบ คือ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ใช้ประโยชน์มากในชีวิตประจำวัน คือ คลื่นวิทยุ
การผสมสัญญาณไฟฟ้าของเสียงกับคลื่นวิทยุ มี 2 ระบบ คือ
- ระบบเอเอ็ม
(AM : Amplitude Modulation)
: เป็นการผสมคลื่นที่ทำให้แอมพลิจูดเปลี่ยนแปลง แต่ความถี่คงที่ ส่งกระจายเสียงด้วยความถี่
530-1,600 กิโลเฮิรตซ์
-
ระบบเอฟุเอม (FM : Frequency
Modulation) : เป็นการผสมคลื่นที่ทำให้ความถี่เปลี่ยนแปลง
แต่แอมพลิจูดคงที่ ส่งกระจายเสียงด้วยความถี่ 88-108 เมกะเฮิรตซ์[
ระบบ AM สามารถสะท้อนบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟิยร์
กลับลงมายังโลกได้ ใช่ติดต่อในระยะทางไกลๆ เรียกว่า คลื่นฟ้า ระบบ FM มีความถี่สูงมาก จะทะลุผ่านบรรยากาศชั้นไอโอโนสเพียร์ออกไป จึงใช้ในการติดต่อกับยานอวกาศที่เดินทางอยู่นอกโลกดังนั้นการรับคลื่น
FM บนพื้นโลกจึงรับได้เฉพาะคลื่นที่แผ่กระจายจากสถานีส่งเท่านั้นเรียกว่า
คลื่นดิน ซึ่งจะได้ระยะทาง FM 80 กิโลเมตร
เพราะจะติดส่วนโค้งของโลก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)