หลักเกณฑ์การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์
1.
การแบ่งยุคสมัยทางประวัติศาสตร์สากล
1.1 ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ (Ancient History) หรือยุคโบราณ
ตั้งแต่ 3,500 ปี ก่อนคริสต์ศักราชถึง พ.ศ. 476 เมื่อกรุงโรมศูนย์กลางของจักรวรรดิโรมันต้องพ่ายแพ้การรุกรานของพวกอารยชน
1.2 ประวัติศาสตร์สมัยกลาง (Medieval History) หรือยุคกลาง ตั้งแต่
ค.ศ. 476-1453 เมื่อกรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงของอาณาจักรโรมันตะวันออกต้องพ่ายแพ้แก่พวกเติร์ก ซึ่งนักประวัติศาสตร์บางคนเห็นว่าสมัยกลางน่าจะสิ้นสุดใน ค.ศ.
1492 ปีที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสค้นพบทวีปอเมริกา
1.3 ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ (Modern History) หรือยุคใหม่ เริ่มจาก
ค.ศ. 1453 จนกระทั่งปัจจุบันและมีนักประวัติศาสตร์บางคนเห็นว่าประวัติศาสตร์สมัยใหม่ควรสิ้นสุดใน ค.ศ.
1945 ซึ่งเป็นปีสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และต่อจากนั้นควรแบ่งเป็นประวัติศาสตร์ร่วมสมัย (Contemporary History)
1.4 ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย หรือยุคร่วมสมัย ตั้งแต่ ค.ศ.
1945 จนกระทั่งปัจจุบัน
งย2. การแบ่งยุคสมัยของนักโบราณคดี
2.1 ยุคก่อนประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 4
ยุค คือ
ยุคหินแรก
(Eolithic Age) → ยุคป่าเถื่อนมนุษย์ยังไม่นุ่งห่มเสื้อผ้า
ใช้หนังสัตว์ปกปิดร่างกายเร่ร่อนหากิน
ยุคหินเก่า
(Paleolithic Age) → เริ่มป้องกันตัวเอง ประดิษฐ์อาวุธ เช่น
ขวานที่ทำจากหิน ค้อนไม่มีด้าม รู้จักใช้ไฟ รู้จักการนุ่งห่ม เก็บผลไม้กิน
ล่าสัตว์
ยุคหินกลาง
(Mesolithic Age) → เริ่มสร้างที่อยู่ด้วยไม้แทนการอยู่ตามถ้ำ
ทำมีดจากหิน และฉมวกใช้ล่าสัตว์เป็นอาหาร มีความเชื่อทางศาสนา รู้จักการวาดรูปตามฝาผนังถ้ำ
ยุคหินใหม่
(Neolithic Age) → เริ่มรู้จักประดิษฐ์สิ่งของให้สวยงาม
ตั้งหลักแหล่งตามลุ่มแม่น้ำ สร้างบ้านเรือน เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์
มีความคิดทางศาสนา มีหลักฐาน เช่น แนวเสาหินในจีน อังกฤษ และบราซิล จัดเป็นต้นกำเนิดของแหล่งวัฒนธรรมลุ่มน้ำของมนุษย์
ได้แก่ อียิปต์ เมโสโปเตเมีย
2.2 ยุคประวัติศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2
ยุค คือ
ยุคสำริด
(Bronze Age) → เริ่มมีการประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้จากโลหะสำริด
(ทองแดง + ดีบุก) รู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษร เกิดอารยธรรมบริเวณต่างๆ ได้แก่
เมโสโปเตเมีย จีน อินเดีย กรีกโบราณ และโรมัน
ยุคเหล็ก
(Iron Age) → เริ่มใช้เหล็กมาทำอ
าวุธและเครื่องมือที่แข็งแรงมากขึ้น
2.3 หลักเกณฑ์ของนักมนุษย์วิทยา คือ
ผู้ศึกษาและฟื้นฟูอดีตของมนุษย์จากลักษณะทางกายและวัฒนธรรม
โดยใช้เกณฑ์ของความก้าวหน้าที่สำคัญเป็นตัวกำหนด ดังนี้
การปฏิวัติเกษตรกรรม
(คลื่นลูกที่ 1) ประมาณ
3,500 ปี ล่วงมาแล้ว
มนุษย์รู้จักการเพาะปลูกตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นชุมชน
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
(คลื่นลูกที่ 2) ประมาณ 250 ปี ล่วงมาแล้ว
มนุษย์นำเครื่องจักรมาใช้แทนแรงงานคน ทำให้ผลิตได้มากขึ้น เร็วขึ้น และดีขึ้น
การปฏิวัติเกษตรกรรม
(คลื่นลูกที่ 3) เริ่มประมาณปลายคริสต์ศตวรรษที่
20 มนุษย์ติดต่อสื่อสารกันได้รวดเร็วทั้งภาพและเสียง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น