มุมแนะนำ

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

โปรโตคอลคืออะไร

     การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ให้เป็นเครือข่ายด้วยสายสัญญาณนั้นเป็นขั้นตอนที่ง่ายของการสร้างเครือข่าย แต่ส่วนที่ท้าทายคือ การพัฒนามาตรฐานเพื่อให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เครือข่ายที่ผลิตโดยบริษัทต่างๆ สามารถ ติดต่อสื่อสารกันได้ ซึ่งมาตรฐานนี้ก็คือ โปรโตคอล (Protocol) หรือสรุปสั้นๆ    โปรโตคอลคือ กฎ ขั้นตอน และรูป แบบของข้อมูลที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์สองเครื่องใดๆ ที่เชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย

     ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของโปรโตคอล เช่น การสื่อสารกันโดยใช้โทรศัพท์ ซึ่งจะมีขั้นตอนต่างๆ ที่ต้อง ทำก่อนที่จะพูดคุยกันได้ เช่น โดยส่วนใหญ่คำแรกที่พูดเมื่อใช้โทรศัพท์คือ "ฮัลโหล" หรือคำทักทายของภาษา ท้องถิ่นอื่นๆ การทักทายกันนี้เป็นสัญญาณให้คู่สนทนาทราบว่าการเชื่อมต่อกันสำเร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ

     อีกฝ่ายจะตอบด้วยคำว่า "ฮัลโหล" เช่นกัน ซึ่งจะเป็นสัญญาณบอกให้ทราบอีกว่าการติดต่อสื่อสารเป็นไปได้ ทั้งสองทาง ถ้าทั้งสองฝ่ายที่สนทนากันรู้จักกันมาก่อน การสนทนาก็จะเข้าสู่เรื่องได้ทันที แต่ถ้าหากว่าทั้งสอง ฝ่ายยังไม่รู้จักกัน ก็จะมีขั้นตอนหรือโปรโตคอลอื่นเพิ่มอีก เพื่อช่วยให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันก่อนที่จะเริ่มเรื่องที่จะ สนทนากันจริงๆ

     การสนทนากันของคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้แตกต่างจากตัวอย่างข้างต้นมากนัก การเชื่อมต่อกันของ คอมพิวเตอร์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างระบบเครือข่าย แต่การสื่อสารที่มีความหมาย เซ่น การแชร์กันใช้ ทรัพยากรของแต่ละฝ่ายทำให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์สมบูรณ์วิวัฒนาการของเครือข่ายถือได้ว่าเป็นการปฏิว้ติ ครั้งใหญ่ของโครงสร้างของเทคโนโลยีสารสนเทศ

     โปรโตคอลของเครือข่ายบางทีอาจเรืยกว่า "สถาปัตยกรรมเครือข่าย (Network Architecture)" เนื่อง จากระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันเป็นระบบที่ซับซ้อนมาก ทำให้ยากต่อการออกแบบโดยคนๆ เดียว หรือคนกลุ่มเดียว เพื่อให้การพัฒนาระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายขึ้น จึงมีการแบ่งโปรโตคอลออก เป็นชั้นๆ หรือ เลเยอร์ (Layer) การทำงานในแต่ละเลเยอร์จะไม่ซํ้าซ้อนกัน ซึ่งเลเยอร์ที่อยู่ตํ่ากว่าจะทำหน้าที่ ให้บริการ (Service) กับชั้นที่อยู่สูงกว่า โดยเลเยอร์ที่อยู่สูงกว่าไม่จำเป็นต้องทราบถึงรายละเอียดว่าเลเยอร์ ที่อยู่ตํ่ากว่ามีวิธีให้บริการอย่างไร เพียงแค่รู้ว่ามีบริการอะไรบ้าง และแต่ละบริการคืออะไรก็เพียงพอ ซึ่งแนว ความคิดนี้จะเรียกว่า "เทคโนโลยีเลเยอร์ (Layer Technology)"

เอ็กส์ตราเน็ต (Extranet)

     เอ็กส์ตราเน็ต (Extranet) เป็นเครือข่ายกึ่งอินเตอร์เน็ตกึ่งอินทราเน็ต กล่าวคือ เอ็กส์ตราเน็ตคือ เครือข่ายที่เชื่อมต่อระหว่างอินทราเน็ตของสององค์กร ดังนั้นจะมีบางส่วนของเครือข่ายที่เป็นเจ้าของร่วมกัน ระหว่างสององค์กรหรือบริษัท การสร้างอินทราเน็ตจะไม่จำกัดด้วยเทคโนโลยี แต่จะยากตรงนโยบายที่เกี่ยว กับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ทั้งสององค์กรจะต้องตกลงกัน เช่น องค์กรหนึ่งอาจจะอนุญาตให้ผู้ ใช้ของอีกองค์กรหนึ่งล็อกอินเข้าระบบอินทราเน็ตของตัวเองหรือไม่ เป็นต้น การสร้างเอ็กส์ตราเน็ตจะเน้นที่ ระบบการรักษาความปลอดภัยข้อมูลรวมถึงการติดตั้งไฟร์วอลล์หรือระหว่างอินทราเน็ตและการเข้ารหัสข้อมูล และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ นโยบายการรักษาความปลอดภัยข้อมูลและการบังคับใช้

อินทราเน็ท (Intranet)

     ตรงกันข้ามกับอินเตอร์เน็ต อินทราเน็ตเป็นเครือข่ายส่วนบุคคลที่ใช้เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต เช่น เว็บ, อีเมล, FTP เป็นต้น อินทราเน็ตใช้โปรโตคอล TCP/IP สำหรับการรับส่งข้อมูลเช่นเดียวกับอินเตอร์เน็ต ซึ่งโปรโตคอลนี้สามารถใช้ได้กับฮาร์ดแวร์หลายประเภท และสายสัญญาณหลายประเภท ฮาร์ดแวร์ที่ใช้สร้าง เครือข่ายไม่ใช่ปัจจัยหลักของอินทราเน็ต แต่เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำให้อินทราเน็ตทำงานได้ อินทราเน็ตเป็น เครือข่ายที่องค์กรสร้างขึ้นสำหรับให้พนักงานขององค์กรใช้เท่านั้นการแชร์ข้อมูลจะอยู่เฉพาะในอินทราเน็ตเท่านั้น หรือถ้ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับโลกภายนอกหรืออินเตอร์เน็ต องค์กรนั้นสามารถที่จะกำหนดนโยบายได้ ในขณะที่การแชร์ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนั้นยังไม่มีองค์กรใดที่สามารถควบคุมการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้

     เมื่อเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต พน้กงานของบริษัทสามารถติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกเพื่อการ ค้นหาข้อมูลหรือทำธุรกิจต่างๆ การใช้โปรโตคอล TCP/IP ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้เครือข่ายจากที่ห่างไกลได้ (Remote Access) เช่น จากที่บ้าน หรือในเวลาที่ต้องเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ การเชื่อมต่อเข้ากับอินทราเน็ต โดยการใช้โมเด็มและสายโทรศัพท์ ก็เหมือนกับการเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต แต่แตกต่างกันที่เป็นการเชื่อม ต่อเข้ากับเครือข่ายส่วนบุคคลแทนที่จะเป็นเครือข่ายสาธารณะอย่างเช่นอินเตอร์เน็ต การเชื่อมต่อกันได้ ระหว่างอินทราเน็ตและอินเตอร์เน็ตถือเป็นประโยชน์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง

     ระบบการรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งที่แยกอินทราเน็ตออกจากอินเตอร์เน็ต เครือข่ายอินทราเน็ต ขององค์กรจะถูกปกป้องโดยไฟร์วอลล์ (Firewall) ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่กรอง ข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกันระหว่างอินทราเน็ตและอินเตอร์เน็ตเมื่อทั้งสองระบบมีการเชื่อมต่อกัน ดังนั้นองค์กร สามารถกำหนดนโยบายเพื่อควบคุมการเข้าใช้งานอินทราเน็ตได้

     อินทราเน็ตสามารถสนองความต้องการของผู้ใช้ในองค์กรได้หลายอย่าง ความง่ายในการตีพิมพ์บนเว็บ ทำให้เป็นที่นิยมในการประกาศข่าวสารขององค์กร เช่นข่าวภายในองค์กรกฎ ระเบียบ และมาตรฐาน การปฏิบัติงาน ต่างๆ เป็นต้น หรือแม้กระทั่งการเข้าถึงฐานข้อมูลขององค์กรก็ง่ายเช่นกัน ผู้ใช้สามารถทำงานร่วมกันได้ง่าย และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซอฟต์แวร์ที่เรียกว่ากรุ๊ปแวร์ (Groupware) เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญของอินทราเน็ต เพราะเป็นซอฟต์แวร์ที่อนุญาตให้สมาชิกในกลุ่มทำงานร่วมกันในโปรเจ็กต์ที่ได้รับมอบหมาย แลกเปลี่ยนข้อมูล ประชุมระยะไกล (Video Conferencing) และสร้างระเบียบปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานในการทำงานได้ด้วย ''ซอฟต์แวร์ฟรี เช่น นิวส์กรุ๊ป (newsgroups) ยิ่งกระตุ้นการขยายตัวของเครือข่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งความยิ่งใหญ่ ของอินเตอร์เน็ตทำให้อินทราเน็ตขยายตัวขึ้นเช่นกัน ความง่ายในการเลือกแชร์ข้อมูลและการติดต่อสื่อสาร ระหว่างบุคคลยิ่งจะทำให้การใช้อินทราเน็ตเป็นที่นิยมมากขึ้นเท่านั้น

อินเทอร์เน็ต (Internet)


     อินเตอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วโลกซึ่งมีคอมพิวเตอร์เป็นล้านๆ เครื่องเชื่อมต่อเข้ากับระบบ และยังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี อินเตอร์เน็ตมีผู้ใช้ทั่วโลกหลายร้อยล้านคน และผู้ใช้เหล่านี้สามารถแลกเปลี่ยน ข้อมูลข่าวสารกันได้อย่างอิสระ โดยที่ระยะทางและเวลาไม่เป็นอุปสรรค นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถเข้าดูข้อมูล ต่างๆ ที่ถูกตีพิมพํในอินเตอร์เน็ตได้ อินเตอร์เน็ตเชื่อมแหล่ง-ข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจ มหาวิทยาลัย หน่วยงานของรัฐบาล หรือแม้กระทั่งแหล่งข้อมูลบุคคล องค์กรธุรกิจหลายองค์กรได้ใช้อินเตอร์ เน็ตช่วยในการทำการค้า เซ่น การติดต่อซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตหรืออีคอมเมิร์ช (E-Commerce) ซึ่งเป็นอีก ซ่องทางหนึ่งสำหรับการทำธุรกิจที่กำลังเป็นที่นิยม เนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกกว่าและมีฐานลูกค้าที่ใหญ่มาก ส่วนข้อเสียของอินเตอร์เน็ตคือ ความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจากทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างที่แลก เปลี่ยนผ่านอินเตอร์เน็ตได้

     อินเตอร์เน็ตใช้โปรโตคอลที่เรียกว่า "TCP/IP (Transport Connection Protocol/Internet Protocol)" ในการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่าย ซึ่งโปรโตคอลนี้เป็นผลจากโครงการหนึ่งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โครง การนื่มีชื่อว่า ARPANET (Advanced Research Projects Agency Network) ในปี ค.ศ. 1975 จุดประสงค์ ของโครงการนี้เพื่อเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลกันและภายหลังจึงได้กำหนดให้เป็นโปรโตคอลมาตรฐาน ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

     ในปัจจุบันอินเตอร์เน็ตได้กลายเป็นเครือข่ายสาธารณะ ซึ่งไม่มีผู้ใดหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็น เจ้าของอย่างแท้จริง การเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตต้องเชื่อมต่อผ่านองค์กรที่เรืยกว่า "ISP (Internet Service Provider)" ซึ่งจะทำหน้าที่ให้บริการในการเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต เนื่องจากอินเตอร์เน็ตเป็น เครือข่ายสาธารณะจึงไม่มีหลักประกันความปลอดภัยของข้อมูลที่ส่งผ่านอินเตอร์เน็ต นั่นคือ ข้อมูลทุกอย่าง ที่ส่งผ่านเครือข่าย ทุกคนสามารถดูได้ นอกเสียจากจะมีการเข้ารหัสลับซึ่งผู้ใช้ต้องทำเอง

ทำไมต้องสร้างเครือข่าย

คอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถทำงานหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วบางคนอาจจะสงสัยว่ายังมีความจำเป็นที่ต้องเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายอีก หรือ คำตอบง่ายๆ ก็คือ มีแน่นอน การเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายนั้นมีข้อดีหรือประโยชน์ดังนี้

  • สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สามารถแชร์ทรัพยากร เช่น เครื่องพิมพ์ ฮาร์ดดิสก์ซีดีไรเตอร์ไว้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็น ต้น
  • ประหยัดเนื่องจากสามารถแชร์ทรัพยากรร่วมกันได้
  • สามารถแชร์เอกสาร เช่นบันทึกข้อความ ตารางข้อมูลต่างๆ ใบส่งของบัญชีต่างๆใบรายการสินค้า เป็นต้น
  • สามารถใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรืออีเมล ในการติดต่อผู้ที่อยู่ห่างไกลได้อย่างรวดเร็ว
  • การสนทนาผ่านเครือข่าย หรือการแชต (Chat)
  • การประชุมระยะไกล (Videoconference)
  • การแชร์ไฟล์ต่างๆ เช่น รูปภาพ วิดีโอ เพลง เป็นต้น
  • การแชร์ซอฟต์แวร์ต่างๆ เช่น ไมโครซอฟต์ออฟฟิศ โปรแกรมฐานข้อมูล เป็นต้น

นี่เป็นเพียงประโยชน์บางส่วนที่เกิดจากการเชื่อมคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่าย ยังมีอีกหลายๆ อย่าง ที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ในหัวข้อต่อไปจะเป็นรายละเอียดของประโยชน์หลักๆ ของเครือข่ายคอมพิวเตอร์

เครือข่ายคอมพิวเตอร์คืออะไร



         เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยลองเครื่องเชื่อม ต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อลารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละ เครื่องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทรัพยากร (Resources) ที่มีอยู่ใน เครือข่ายร่วมกันได้ เช่น เครื่องพิมพ์ ซีดีรอม สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น การใช้ทรัพยากรเหล่านี้ร่วมกัน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเมื่อมีการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่นๆ ที่อยู่ห่างไกล เซ่น ระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็น เครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ทั่วโลก ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้กับคนทั่วโลก โดยใช้แอพพลิเคชัน เซ่น เว็บ อีเมล FTP เป็นต้น

          แนวคิดการสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์นั้นเริ่มมาจากการที่ผู้ใช้ต้องการที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว คอมพิวเตอร์เดี่ยวๆ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการประมวลข้อมูลใน ปริมาณมากอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว แต่ข้อเสียคือ ผู้ใซไม่สามารถแชร์ข้อมูลนั้นกับคนอื่นอย่างมีประสิทธิภาพได้ ก่อนที่จะมีเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยใช้วิธีการสิงเอกสารที่เป็นกระดาษไปให้ผู้ใช้ อีกคนหนึ่ง เมื่อผู้ใช้คนนั้นได้รับเอกสารแล้ว ก็จะทำการแปลงเอกสารให้อยู่ในรูปแบบที่คอมพิวเตอร์เข้าใจ เช่น การพิมพ์ หรือการสแกนรูปภาพ ซึ่งขั้นตอนการรับส่งและแปลงเอกสารนี้อาจใช้เวลามากเกินไปเมื่อเทียบกับ ความเร็วของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน

          อีกวิธีหนึ่งที่ดีกว่าการใช้การส่งเอกสารคือ การใช้แผ่นดิสก์แทน โดยการบันทึกข้อมูลที่ต้องการแลก เปลี่ยนกันลงบนแผ่นดิสก์ (Floppy Disk) แล้วส่งให้ผู้ใช้คนอื่น วิธีนี้'ไม่ต้องเสียเวลาในการแปลงข้อมูล เพราะ คอมพิวเตอร์สามารถอ่านข้อมูลจากแผ่นดิสก์ได้เลย เป็นการประหยัดเวลาได้ในระดับหนึ่ง แต่เวลาใน การส่งแผ่นดิสก์ยังช้ามากเมื่อเทียบกับความเร็วของคอมพิวเตอร์ การใช้คอมพิวเตอรในลักษณะนี้เรืยกว่า "Sneakernet" หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้คนเป็นสื่อรับส่งข้อมูล การใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะนี้อาจถือ ได้ว่าเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ แต่เป็นเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพตํ่ามาก

วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2557

วิศวกรรมคอมพิวเตอร์



วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ชื่อเข้าอาเซียน : Computer Engineering
เรียนเกี่ยวกับอะไร : เรียนเกี่ยวกับหลักการพื้นฐานของระบบคอมพิวเตอร์ สร้างนวัตกรรมจากระบบคอมพิวเตอร์ เช่น ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการนำไปใช้งาน รวมทั้งฝึกทักษะการเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ผู้เรียนควรมีคุณสมบัติใด : ผู้เรียนควรมีความถนัดทางด้านตรรกศาสตร์ การให้เหตุผล มีความขยัน อดทน ชอบศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง และชอบภาษาอังกฤษ

จบแล้วทำงานอะไร : จบแล้วสามารถประกอบอาชีพทั้งในภาคอุตสาหกรรม ราชการและองค์กรต่างๆ ที่ต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ นักวิเคราะห์และออกแบบระบบ นักพัฒนาโปรแกรม ผู้ดูแลระบบ และผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล

เรียนจำนวน 180 หน่วยกิต

----//// สาขาวิชานี้อ้างอิงจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามสถาบัน ////----

ขอขอบคุณสำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีสำหรับข้อมูลครับ 

****** ทางเว็บบล็อกอนุญาติให้นำบทความไปเผยแพร่ต่อได้ แต่ต้องอ้างอิงเว็บไซค์นี้ด้วย ลิขสิทธิ์เกิดขึ้นทันทีเมื่อมีการสร้างสรรค์งานขึ้น ใครผลิต สร้างขึ้นก่อน ย่อมถือเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์คนแรก ผู้ใดจะนำงานชิ้นนั้นไปพิมพ์ซ้ำ เผยแพร่ทุกรูปแบบไม่ได้ จนกว่าจะรับความยินยอมจากเจ้าของชิ้นงานก่อน******

มุมแนะนำ