มุมแนะนำ

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555

มันแกว


มันแกวเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศเม็กซิโก และประเทศต่างๆ ในแถบอเมริกากลาง ปัจจุบันมีการนำไปปลูกในประเทศเขตร้อนหลายประเทศ ในเมืองไทยมีการปลูกมันแกวอยู่ทั่วประเทศแต่ที่ปลูกกันมากที่สุดคือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมักปลูกกันในต้นฤดูฝน และเก็บผลหัวมันแกวได้ในฤดูร้อน
มันแกวมีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆ กัน เช่น ภาคกลางเรียกมันแกว ภาคใต้เรียก หัวแปะกั๊ว ภาคเหนือเรียก มันแกวละแวกมันแกวลาว ภาคอีสานเรียก มันเพา หมากบุ้ง ถั่วบ้ง ถั่วกินหัว
เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ มันแกวมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pachyrrhizus erosus L. Urban อยู่ในวงศ Leguminoseae จัดเป็นพืชจำพวกเถาเลื้อยพัน มีหัวอยู่ใต้ดินซึ่งจัดเป็นรากที่ทำหน้าที่สะสมอาหาร ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย3 ใบ มีดอกเป็นดอกเดี่ยว กลีบดอกมีสีม่วงแกมน้ำเงินคล้ายกับดอกอัญชัญ มีผลเป็นฝักคล้ายกับถั่วลันเตา หรือถั่วแระแต่ละฝักมีเมล็ด 4 – 9 เมล็ด ส่วนที่เป็นพิษร้าย ข่าวจาก ผู้จัดการออนไลน์ ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน 2553 ฝ่ายวิเคราะห์และประมวลข่าวสารสำนักสารนิทศ ทางกระทรวงสาธารณะสุข นายแพทย์ปราชญ์บุญวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณะสุข ได้กล่าวเตือนว่า มีพืชหลายอย่างที่เป็น พิษถึงแกชีวิต เช่น เมล็ดมะกล่ำ เมล็ดสบู่ดำ ราตรี ผกากรอง ยี่โถ เพชฌฆาตสีทอง รำเพย ละหุ่ง มันสำปะหลัง มันแกว ซึ่งใบที่แก่หรือเมล็ดที่แก่ของมันแกว ห้ามกินเด็ดขาด เนื่องจากมีสารพิษที่ทำลายตับ ไต และทำให้เสียชีวิตได้ นับตั้งแต่ พ.. 2548 - 2551 มีรายงานว่าประชาชนเสียชีวิตจากการกินเมล็ดแก่จากฝักมันแกวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น ในปี พ.. 2551 มีรายงานเป็นทางการว่ามีประชาชนได้รับพิษจากการกินเมล็ดมันแกว จำนวน 9 คนที่จังหวัดเชียงราย 1 คน จังหวัดศรีษะเกษ 7 คน จังหวัดเลย 1 คน โดยแพทย์ช่วยชีวิตไว้ทัน 6 ราย และเสียชีวิต 3 รายเนื่องจากรักษาไม่ทัน กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลพิษได้แพร่ไปมากแล้ว ซึ่งตัวเลขนี้เป็นการรายงานที่เป็นทางการเท่านั้นสารพิษในเมล็ดมันแกวมีหลายชนิด สารตัวหนึ่งคือRotenone สารตัวนี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง จะทำลาย ตับ ไต กระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ ในกรณีที่ได้รับสารพิษเข้าไปมากนั่นคือกินเมล็ดแก่ของมันแกวมาก จะมีอาการรุนแรง ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชัก ระบบการไหลเวียนโลหิต ผิดปกติ กดระบบการหายใจ และทำให้ตายได้ในที่สุด และยังมีสารพิษชนิดอื่นอีก เช่น Pachyrrhizin มีฤทธิ์ในการฆ่าแมลงหลายชนิด ส่วนสารพิษ Saponin ละลายน้ำ
ได้ เป็นพิษต่อปลาทำให้ปลาตาย ซึ่งสารพิษดังกล่าวในเมล็ดของมันแกวนั้นเรียกได้ว่าเป็นสารพิษที่ร้ายแรงมากๆ นายแพทย์ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณะสุข กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับสารพิษจากการกินเมล็ดมันแกวนั้น ในเบื้องต้นต้องรีบทำให้ผู้ป่วยอาเจียน โดยการรับประทานไข่ขาวและดื่มนม เพื่อกำจัดเศษจากเมล็ดของมันแกวที่เหลือในกระเพาะอาหารออก จะได้ลดการดูดซึมสารพิษเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต แล้วรีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เนื่องจากฝักของมันแกวคล้ายกับถั่วลันเตา ถั่วแระชาวบ้านที่ไม่ทราบก็จะเก็บมาต้มกินโดยคิดว่ากินได้ นายแพทย์ธวัช กล่าวว่า การป้องกันเรื่องนี้ที่ดีที่สุดก็คือไม่ควรนำเมล็ดแก่
ของมันแกวมากิน ทางกรมควบคุมโรคจะได้จัดทำเอกสารเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนต่อไป
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ทางกระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียนต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ครู
อาจารย์ จะต้องร่วมกันให้ความรู้แก่นักเรียน เพื่อที่จะได้นำไป เผยแพร่ขยายผลแก่ผู้ปกครองและชุมชนต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มุมแนะนำ